Work from Home – ทำงานที่บ้านอย่างไร ให้ได้ประสิทธิภาพ

Work from Home - ทำงานที่บ้านอย่างไร ให้ได้ประสิทธิภาพ

หลังจากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) เป็นเวลากว่า 2 ปี ส่งผลกระทบต่อชีวิต สังคม เศรษฐกิจในวงกว้าง คนทั่วทั้งโลกต่างต้องกักตัวในบ้านหรือที่พักอาศัยเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ จึงต้องปรับตัวมาทำงานที่บ้าน หรือ Work from Home (WFH) จนแม้ในเวลานี้ที่ความรุนแรงของโควิด-19 จะดูลดลงไปมากแล้ว แต่ในหลายองค์กรทั้งรัฐและเอกชนยังให้พนักงานทำงานที่บ้านในบางวันอยู่

การทำงานที่บ้าน หรือ Work from Home มีข้อดีทั้งต่อองค์กรนายจ้างเองที่สามารถลดต้นทุนค่าไฟ ค่าอินเทอร์เน็ต ค่าอุปกรณ์สำนักงาน ส่วนพนักงานลูกจ้างก็จะสามารถบริหารเวลาตัวเองให้มีมากขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปออฟฟิศ

แต่การทำงานที่บ้านก็มีข้อเสียอยู่เช่นกัน ในกรณีที่ว่าด้วยเรื่องประสิทธิภาพของตัวงาน ไม่มีหัวหน้าคอยดูแล ไม่มีเพื่อนร่วมงานให้ปรึกษาปัญหาต่าง ๆ ที่อาจจะมี รวมไปถึงการที่คนทำงานที่บ้านต้องมีวินัยเพิ่มมากขึ้น เพราะการอยู่บ้านก็มีสิ่งรบกวนใจได้ไม่น้อย 

วิธีการทำงานที่บ้าน ให้มีประสิทธิภาพ

เมื่อมีอิสระมากขึ้น ก็อย่าให้วินัยลดลง

เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของคนทำงานที่บ้าน เพราะเราต้องบริหารจัดการชีวิตด้วยตัวเอง ไม่มีการตอกบัตรเข้างาน ไม่มีเวลาเบรกที่แน่นอน ไม่มีผู้บังคับบัญชาคอยดูแล ไม่มีเวลาเริ่มงานหรือเลิกงานเป๊ะ ๆ เหมือนเวลาไปทำงานที่ออฟฟิศ สิ่งเหล่านี้อาจจะให้เราตื่นสายกว่าปกติ ขี้เกียจกว่าเดิม เผลอไปเล่นเกมหรือช้อปปิ้งออนไลน์บ่อยเกินไป

ดังนั้น ควรต้องพึงตระหนักเรื่องของวินัยให้มากและบังคับตัวเองให้ได้

อุปกรณ์พร้อม สัญญาณอินเทอร์เน็ตเสถียร แอปพลิเคชันครบ

ประสิทธิภาพการปฏิบัติงานมาจากคุณภาพของเครื่องมือที่ใช้ ดังนั้นหากจำเป็นต้องทำงานที่บ้าน เราก็ควรจะมีพร้อมซึ่งเครื่องใช้ไม้สอยต่าง ๆ ให้เหมือนหรือใกล้เคียงกันกับตอนทำงานที่สำนักงาน อาทิ คอมพิวเตอร์ที่มีคุณภาพ ซอฟต์แวร์ที่จำเป็น รวมถึงแอปพลิเคชันสำหรับการ Work from Home การประชุมออนไลน์ หรือไฟล์ข้อมูลที่จำเป็นต่องาน ที่สำคัญที่สุดก็คือ สัญญาณอินเทอร์เน็ตที่เพียงพอสำหรับการทำงาน

เหล่านี้เป็นต้นทุนของผู้ปฏิบัติงานที่จำเป็นต้องมี เพื่อรองรับการทำงานที่บ้านได้อย่างสะดวก ไม่ติดขัด

ถึงอยู่บ้าน ก็ไม่ได้แปลว่าว่างตลอด

สำหรับเจ้านาย หัวหน้านาย ผู้จัดการ ผู้บังคับบัญชา ที่ Work from Home ก็ต้องพึงระลึกไว้เหมือนกันว่า ลูกน้องของเราที่ทำงานที่บ้านก็มีเวลาเริ่มงานและเลิกงานเป็นปกติ บางทีอาจจะเผลอส่งไลน์ถามหรือทวงงานไปในเวลาที่ไม่เหมาะสม ถ้าส่งไปในลักษณะความประสงค์จะทิ้งข้อความไว้ก็แนะนำให้ส่งเป็นอีเมลดีกว่า เพราะนอกจากทำแบบนั้นจะไม่ได้งานที่ดีแล้ว ยังจะเป็นการทำให้ความสันพันธ์ระหว่างกันมีปัญหา

Work from Home เป็นวิถีชีวิตใหม่ปกติ (New Normal) จะมีมากขึ้นเป็นลำดับ เพราะเทคโนโลยีในยุคสมัยนี้ ในหลายสาขาวิชาชีพสามารถใช้จัดการงานต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องเดินทางเข้าสำนักงานอีกแล้ว หากเพียงแต่เราสามารถสร้างงานที่มีคุณภาพได้จากการทำงานที่บ้าน ประสิทธิภาพงานเท่าเดิม ต้นทุนนายจ้างลดลง ลูกจ้างมีอิสระมากขึ้น มีเวลามากขึ้น ไม่เครียดกับปัญหาการจราจร แบบได้ประโยชน์กันทุกฝ่ายเลยและเรายังจะมีเวลาหางานเสริมจากที่อื่นเอามาทำเพื่อสร้างรายได้เพื่อใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ อย่างเช่าการเขียนบทความ อาจจะเป็นบทความเกี่ยวกับเว็บบอลออนไลน์ ในรายละเอียดเนื้อหาอาจจะมี ผลบอลเมื่อคืน สถิการเจอกัน ฯลฯ 

เพิ่มประสิทธิภาพให้การ ทำงานที่บ้าน ด้วย 5 วิธีเด็ด

Work from home

จากสถานการณ์โรคระบาดทำให้การทำงานปรับเปลี่ยนมาในรูปแบบ Work from home (ทำงานที่บ้าน) และต่อด้วย Work from everywhere (ทุกที่คือที่ทำงาน) ซึ่งทั้งสองรูปแบบนี้สามารถทำให้งานดำเนินไปได้แบบไม่ติดขัด แต่ก็ต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่าง ซึ่งไม่เพียงแค่ได้รับความร่วมมือของคนในองค์กรเท่านั้น แต่ตัวของบผู้ทำงานจะต้องกระตุ้นตัวเอง เพื่อให้งานออกมาอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการปฏิบัติตัวจากเทคนิคที่เรากำลังจะกล่าว ดังนี้

แต่งตัวให้เหมือนตอนที่ทำงานในออฟฟิศ สำหรับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานนี้เชื่อว่าเป็นโอกาสอันดีของคนทำงานที่จะไม่ต้องตื่นแต่เช้า เพื่อนั่งรถไปทำงาน แต่ก็ใช่ว่าคุณจะไม่ลุกจากที่นอนเลย เมื่อถึงเวลาก็ทำงานทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำ เพื่อกระตุ้นและสร้างความกระฉับกระเฉง คุณต้องแต่งตัวให้เหมือนว่ากำลังทำงานในออฟฟิศ

กำหนดเวลาทำงานและเวลาพักให้ตายตัว การ ทำงานที่บ้าน ข้อดีคือไม่มีใครมาบังคับหรือควบคุม แต่นั้นก็ไม่ได้แปลว่าคุณจะทำงานตอนไหนก็ได้ เพราะต้องมีการกำหนดเวลาส่งงานที่ชัดเจน ซึ่งองค์กรส่วนใหญ่ทำเช่นนั้น เพื่อให้งานดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่นและเป็นการทำให้รู้ว่าแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงทุกคนยังคงสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทำงานอย่างมีเป้าหมาย เมื่อคุณปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานมาเป็น Work from home จะต้องทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อพิสูจน์ให้องค์กรเห็น ในทุก ๆ วันงานจึงต้องเสร็จเป็นชิ้นเป็นอัน

คุยและประสานงานเสมอ แม้ว่าคุณจะทำงานแบบไม่มีเพื่อนร่วมงาน แต่เพื่อให้การทำงานดำเนินไปอย่างไม่ติดปัญหาและนี่ทำให้บรรยากาศเหมือนที่ทำงาน

เตรียมตัวให้พร้อมเสมอ เพราะการทำงานแบบ Work from home ต้องอาศัยการประชุมบ่อยครั้ง เพื่อดูความคืบหน้าและทราบถึงปัญหา ฉะนั้นคุณจึงต้องเตรียมความพร้อมทั้งในเรื่องของงานและการแต่งตัวและอย่าลืมเตรียมเครื่องมือสื่อสารทุกช่องทางต้องพร้อม ด้วยความที่คุณทำงานที่บ้าน ไม่ได้พบปะเพื่อนร่วมงานไม่ว่าจะเป็นมือถือ อีเมล์และแอปพลิเคชันที่ใช้ในการพูดคุยกันจำเป็นต้องได้รับตอบรับจากคุณโดยเร็ว

เราเชื่อว่าการที่ได้ทำงานอยู่ที่บ้านของตัวเอง ทุกคนรู้สึกแฮปปี้ สิ่งนี้ที่เราเชื่อว่าจะทำให้งานออกมาดี แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือความรับผิดชอบที่ต้องมีเสมอ ไม่ว่าจะทำงานในรูปแบบใดก็ตาม โดยเฉพาะการ ทำงานที่บ้าน ต้องมีสิ่งเหล่านี้เพิ่มมากขึ้น เพราะด้วยความที่คุณทำงานในพื้นที่ของตัวเอง ไม่มีเจ้านายหรือหัวหน้ามาควบคุม จึงมีระเบียบวินัย เพื่อพิสูจน์ให้องค์กรเห็นว่าคุณมีประสิทธิภาพในการทำงานมากพอและพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนการทำงานโดยที่ไม่กระทบกับหน้าที่ที่ได้รับผิดชอบ

เทคนิคที่ช่วยให้การทำงานที่บ้านเป็นเรื่องง่าย

เทคนิคที่ช่วยให้การทำงานที่บ้านเป็นเรื่องง่าย

เชื่อว่าในช่วง Work from home หลายคนคงเจอปัญหาการทำงานที่ไม่เหมือนเดิม ปัญหาหลักเกิดจากบรรยากาศในการทำงานที่เปลี่ยนไป และขาดสังคมการทำงาน ทำให้ประสิทธิภาพของงานลดลง บางคนถึงขั้นต้องลาออก แม้ว่าจะอยู่ในช่วงโควิด – 19 เพราะไม่สามารถรับมือกับรูปแบบงานที่เปลี่ยนไปจากเดิม ซึ่งเราจะมาดูกันว่า มีเทคนิคอะไรบ้างที่ช่วยให้การทำงานที่บ้าน มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้

1.จัดสภาพแวดล้อมให้เหมือนที่ทำงาน

การทำงานในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างออกไปจากเดิม เป็นเรื่องยากที่จะทำงาน เพราะบ้านคือสถานที่พักผ่อน อีกทั้งสมาชิกภายในบ้านหลายคน ดูเหมือนจะไม่เข้าใจว่า ที่กำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ คือการทำงาน ไม่ใช่นั่งอยู่เฉย ๆ อย่างที่เข้าใจกัน ดังนั้นเราต้องจัดพื้นที่สำหรับทำงาน ให้เหมือนกับอยู่ในออฟฟิศ เช่น นั่งทำงานในห้อง ที่มั่นใจได้ว่าจะไม่มีเสียงดังรบกวน ติดแอร์ รวมทั้งเพิ่มโต๊ะและเก้าอี้ออฟฟิศ เข้าไปในห้อง เพื่อให้ท่าทางการทำงานเหมาะสมที่สุด

2.ทำงานเหมือนอยู่ในเวลาออฟฟิศ

เวลาทำงานอยู่บ้าน เรามักละเลยวินัยในการทำงาน ทำให้เกิดอารมณ์อยากทำสิ่งอื่นนอกเหนือเรื่องงาน เช่น พูดคุยกับคนในครอบครัว นั่งดูหนัง หรือไปเที่ยวที่ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น ทำให้งานที่ได้รับมอบหมาย ไม่สามารถจัดการได้เสร็จในเวลาที่กำหนด เกิดนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง ส่งผลต่อการประเมินประสิทธิภาพของการทำงาน ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้น เราต้องกำหนดเวลาการทำงานที่บ้านให้เหมือนกับอยู่ในออฟฟิศ เช่น หากเวลาออฟฟิศคือ 10.00 – 18.00 เราก็ควรเริ่มงาน และเลิกงานในเวลาที่กำหนดนี้เท่านั้น ตั้งเป้าต่อตัวเองว่าระหว่างนี้จะไม่ว่อกแว่กสนใจสิ่งอื่น และควรตื่นนอนก่อนเวลา 10.00 น. ด้วยเช่นกัน เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนที่จะเริ่มงานในแต่ละวัน เหมือนที่เคยทำในที่ทำงานนั่นเอง

3.พูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน

ปัญหาของการทำงานที่บ้านคือ ไม่เห็นลักษณะการทำงานของแต่ละคน ทำให้การติดตามงานเป็นเรื่องยาก บางครั้งเมื่อประชุมงานผ่านทาง Zoom อาจเกิดความผิดพลาด ในการทำความเข้าใจงานระหว่างกันได้ การทำงานที่บ้านจึงควรเพิ่มการสื่อสารให้มากกว่าเดิม เพื่อให้ทีมมีความเข้าใจตัวงานทั้งหมด และที่สำคัญคือ การทำงานที่บ้านจะมีความเครียดมากกว่าเดิม เพื่อนร่วมงานบางคนไม่สามารถจัดการสภาพแวดล้อมการทำงานให้ดีได้ การพูดคุยที่มากขึ้นจะช่วยระบายความเครียดได้ด้วย

4.พักบ้างเมื่อมีโอกาส

การ Work from home ที่ทำงานอาจสั่งงานมากกว่าทำงานที่ออฟฟิศ ทำให้เวลาทำงานปกติอาจล่วงเลยไปถึง 3 ชั่วโมงต่อวัน การจัดสรรเวลาให้มีการพักระหว่างวันจะช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานดียิ่งขึ้นได้ ดังนั้นจึงควรให้เวลาพักผ่อนแก่ตนเองด้วย เพื่อไม่ให้เครียดมากจนเกินไป เห็นได้ว่าหากนำทั้ง 4 เทคนิคนี้มาใช้ในการทำงานที่บ้าน จะช่วยให้การทำงานง่ายขึ้นอย่างแน่นอน

ทำงานที่บ้านกับทำงานที่ออฟฟิศ แบบไหนได้งานมากกว่ากัน

ทำงานที่บ้านกับทำงานที่ออฟฟิศ แบบไหนได้งานมากกว่ากัน

การ Work from home ทำให้หลายคนติดใจการทำงานที่บ้าน แต่เมื่อต้องกลับมาทำงานประจำที่ออฟฟิศก็ทำให้ต้องมีการปรับตัวกันค่อนข้างมากเหมือนกัน ทำให้หัวหน้างานหลายคนเกิดความลังเลว่าการทำงานที่บ้านกับการทำงานที่ออฟฟิศ แบบไหนจะได้งานมากกว่ากัน ซึ่งทั้ง 2 แบบ ก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ดังนี้

การทำงานที่บ้าน (Work from home)

ข้อดี

1. พนักงานมีสมาธิในการทำงานและมีความตั้งใจในการทำงานมากขึ้น

2. การประสานงานหรือการติดต่อสื่อสารระหว่างพนักงานดีขึ้นในมุมของความไม่เป็นทางการ

3. การทำงานมีความยืดหยุ่นให้เหมาะกับ Lifestyle

4. พนักงานมีความสุขในการทำงานมากขึ้น

5. ลดอัตราการลางานและการลาออกจากงาน

ข้อเสีย

1. เป็นการสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายส่วนตัว เช่น ค่าไฟ ค่าอินเทอร์เน็ต

2. บางครั้งมีปัญหาเรื่องการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตขณะมีการประชุม

3. หากมีปัจจัยรบกวนที่บ้านอาจทำให้การทำงานไม่ราบรื่น

การทำงานที่ออฟฟิศ (Work at office)

ข้อดี

1. สภาพแวดล้อมในออฟฟิศกระตุ้นให้เราอยากทำงาน

2. มีทรัพยากรขององค์กรที่ช่วยสนับสนุนการทำงานอย่างครบถ้วน เช่น คอมพิวเตอร์ เครื่องพิมพ์ อุปกรณ์สำนักงานต่าง ๆ

3. สามารถประสานงาน และติดต่อกันได้แบบ Face to face ที่บางครั้งทำให้สื่อสารได้เข้าใจง่ายกว่าการติดต่อทางออนไลน์

4. สามารถจัดการประชุม หรือจัด KM (Knowledge Management) ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าการจัดในรูปแบบออนไลน์

ข้อเสีย

1. ในองค์กรที่มีวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่ดีจะทำให้พนักงานไม่อยากทำงาน ส่งผลให้ผลงานออกมาไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร

2. พนักงานต้องเสียเวลาในการเดินทางไป – กลับ จากที่อาศัยไปที่ทำงาน

3. มีค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพิ่มขึ้น

4. การทำงานมักมีการกดดันมากกว่าทำให้พนักงานมีความเครียดได้ง่ายกว่า

5. การทำงานไม่ยืดหยุ่น ไม่สามารถปรับให้ตรงกับ Lifestyle ของตนเองได้เท่าที่ควร

หากถามว่าทำงานที่บ้านกับทำงานที่ออฟฟิศ แบบไหนได้งานมากกว่ากัน คงต้องขึ้นอยู่กับรูปแบบของการและการกำหนดดัชนีชี้วัดผลงานหรือความสำเร็จของงาน หรือ KPI (Key Performance Indicator) ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบผลการปฏิบัติงานกับมาตรฐานหรือเป้าหมายของงานตามที่ตกลงกันไว้ ในบางองค์กรไม่ว่าจะทำงานที่บ้านหรือทำงานที่ออฟฟิศก็อาจได้ผลลัพธ์ในการทำงานที่ไม่แตกต่างกัน เพราะมีการกำหนดตัวชี้วัดที่มีคุณภาพ ทำให้ไม่ว่าพนักงานจะทำงานที่ไหนก็ตาม ผลลัพธ์หรือเป้าหมายขององค์กรก็ยังจะต้องสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เช่นเดิม

จะเห็นได้ว่าทั้งการทำงานที่บ้านหรือที่ทำงานก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ซึ่งในมุมหัวหน้างานนั้นอาจต้องพิจารณารูปแบบของงานและลักษณะนิสัยของลูกน้องร่วมด้วย เพื่อให้ได้งานออกมาที่มี Output และ Outcome ที่มีประสิทธิภาพ สามารถพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จได้

7 ช่องทาง ทำงานที่บ้าน สร้างรายได้เสริม ใครก็ทำได้

ช่องทาง ทำงานที่บ้าน สร้างรายได้เสริม ใครก็ทำได้

สำหรับใครที่กำลังว่างงานและต้องการอาชีพเสริม ทำงานที่บ้าน ได้ ปัจจุบันกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะหลังเกิดวิกฤตโควิดที่ผ่านมา ทำให้รู้ว่ารายได้หลักที่มาจากอาชีพเดียวนั้นไม่เพียงพออีกต่อไป จำเป็นที่จะต้องหาอาชีพเสริมด้วยการทำงานที่บ้าน เพื่อไม่ให้กระทบกับงานหลัก โดยในวันนี้จะมาแนะนำช่องทางในการทำงานที่บ้าน ซึ่งจะมีอาชีพใดบ้างนั้นไปดูกัน

ขายอาหารออนไลน์ – ภายหลังจากการเข้ามาของแอปพลิเคชัน Food Delivery มีร้านอาหารเกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะร้านอาหารออนไลน์ ที่อาศัยช่องทางการขายผ่านแอปพลิเคชัน Food Delivery โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้าน บางรายสามารถสร้างรายได้นับแสนบาทต่อเดือน ด้วยการขายอาหารจากคอนโดมิเนียม นับเป็นหนึ่งในอาชีพที่สามารถทำที่บ้านและลงทุนไม่มากด้วย

นักเขียนบทความ – เพียงแค่มีทักษะในการใช้ภาษาและรักการอ่าน รับรองได้เลยว่าจะทำให้คุณสามารถทำอาชีพนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก เพราะใช้แค่คอมพิวเตอร์ มีอินเทอร์เน็ต สามารถที่จะนักเขียนบทความได้ทุกที่บนโลกใบนี้เลย นอกจากการรับจ้างเขียนบทความออนไลน์ หากมีทักษะในการเขียนนิยายก็จะเป็นการเพิ่มรายได้อีกหนึ่งช่องทางให้คนติดตามได้

เทรนเนอร์ – เมื่อโควิดทำให้สถานที่ออกกำลังกายหลายแห่งต้องปิดตัวลง ทำให้เกิดช่องทางการออกกำลังกายผ่านอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ซึ่งเทรนเนอร์ทุกคนสามารถที่จะพาลูกทีมออกกำลังกายอยู่ที่บ้านได้อย่างไม่ยากเย็น เพราะต่อให้ไม่มีฟิตเนสก็ยังถ่ายทอดความรู้ผ่านการไลฟ์สดให้ลูกทีมปฏิบัติตามได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

กราฟิกดีไซต์, รับจ้างวาดรูป, ออกแบบสติกเกอร์ – ปัจจุบันตลาดในด้านศิลปะเป็นอะไรที่บูมมาก โดยเฉพาะการออกแบบสติกเกอร์ การรับจ้างวาดภาพมินิมอล การรับจ้างออกแบบโปรไฟล์ต่าง ๆ เพียงใช้แค่มือถือเพียงเครื่องเดียวก็สามารถทำงานจากที่บ้านได้

ดาวโซเชียล – ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Youtube, Tiktok หรือการสตรีมผ่านช่องทางอื่น ๆ กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยใครที่สามารถสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ดีให้คนติดตามจำนวนมาก ๆ รายได้ก็จะเข้ามาในปริมาณมากได้ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของสปอร์นเซอร์ ผู้สนับสนุน การรับบริจาค ค่าโฆษณาหรือเวลาในการรับชม สิ่งเหล่านี้ล้วนสร้างรายได้ให้กับคุณได้อย่างไม่มีขีดจำกัดได้

ขายรูปออนไลน์ – ใครจะไปคาดคิดว่าการที่ถ่ายรูปตนเองทุกวันซ้ำ ๆ อย่างต่อเนื่อง เป็นระยะเวลามากกว่า 2 ปี จะสามารถขายและทำเงินได้นับสิบล้านบาท ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะมันเกิดขึ้นแล้วในโลกของ NFT ที่ปัจจุบันมีคนหันมาและให้ความสนใจจำนวนมาก นอกจากนี้ยังสามารถขายรูปถ่ายผ่านช่องทางอื่น ๆ บนโลกออกไลน์ด้วย

ขายของออนไลน์ – เป็นอาชีพสุดฮิตที่สร้างรายได้ให้กับคนจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่เห็นโอกาสและทำมันอย่างจริงจัง เพราะปัจจุบันสามารถที่จะสร้างรายได้จากการขายของด้วยเงินลงทุนเพียง 0 บาท แค่ไปถ่ายรูปสินค้า ณ ร้านใกล้บ้าน โพสขายผ่านแอปพลิเคชันดัง หากมีผู้สนใจและสั่งซื้อ ก็แค่ไปซื้อและส่งให้ เพียงเท่านี้ก็ปิดการขายได้แล้ว

ด้วย 7 ช่องทางที่กล่าวมาข้างต้น เป็นเพียงส่วนน้อย ยังมีอีกหลากหลายอาชีพ หลายช่องทางที่เปิดโอกาสให้คนที่เห็นและสามารถคว้ามันเอาไว้ ใครจะไปคาดคิดว่า งานที่ทำจากบ้านสักวันหนึ่งจะกลายเป็นอาชีพหลักหาเงินให้คุณก็เป็นได้

เตรียมตัวอย่างไร เมื่อหมดเวลา ทำงานที่บ้าน

work from office

ด้วยสถานการณ์ความรุนแรงของโรคโควิดเริ่มน้อยลง รวมถึงประชาชนจำนวนมากได้รับการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง ส่งผลให้หลายองค์กรต่างกลับมาทำงานได้ตามปกติและเตรียมยกเลิกการทำงานที่บ้าน ซึ่งพนักงานบางคนเองก็ยังกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคอยู่ โดยเฉพาะพนักงานที่ต้องอาศัยรถสาธารณะในการเดินทาง ดังนั้นองค์กรและพนักงานจะต้องเตรียมตัวอย่างไรเมื่อต้องให้พนักงานกลับมาทำงานที่ออฟฟิศตามปกติและไม่ต้องทำงานที่บ้านอีกต่อไป

มาตรการความสะอาด

ในส่วนของออฟฟิศที่ทำงานควรมีมาตรการในการทำความสะอาดที่เข้มงวด เพราะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าพนักงานที่เดินทางมาทำงานนั้นสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยหรือผู้ที่ได้รับเชื้อมาบ้างหรือไม่ จึงจำเป็นที่จะต้องมีมาตรการในการรักษาความสะอาด คัดกรองพนักงานที่เข้ามาทำงานอย่างเข้มงวด ในขณะที่พนักงานเองก็ต้องระมัดระวังเรื่องการสัมผัสและการอยู่ร่วมกับผู้อื่นที่มีคนจำนวนมากด้วย เพื่อป้องกันตนเองและป้องกันการนำเชื้อไปแพร่ให้พนักงานคนอื่น ๆ ในออฟฟิศ

หมั่นตรวจสอบสุขภาพและคัดกรองพนักงานบ่อย ๆ

นอกจากมาตรการการทำความสะอาดที่ทำงานแล้ว การตรวจสอบสุขภาพและคัดกรองพนักงานบ่อย ๆ ก็มีส่วนสำคัญด้วย เช่น การตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าทำงาน การตรวจ ATK พนักงานสัปดาห์ละครั้ง หรือ 2 สัปดาห์ครั้งเป็นอย่างน้อย พร้อมกับให้พนักงานทำงานที่บ้าน หากพบว่าตนเองเริ่มมีอาการไข้และไม่สบาย

สร้างความสัมพันธ์ที่ดีในองค์กร

องค์กรจะต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กับพนักงานทราบถึงสถานการณ์ที่ต้องกลับมาทำงานที่ออฟฟิศและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้กับองค์กร รวมถึงความสัมพันธ์ของพนักงานด้วยกันเอง เพราะการที่แต่คนละต่างคนต่างทำงาน ไม่มีการพบปะสังสรรค์กัน อาจทำให้มีความสัมพันธ์ต่อกันที่ลดน้อยลงไป ดังนั้นเมื่อกลับมาทำงานควรสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ปรับปรุงระบบคอมพิวเตอร์และเน็ตเวิร์กให้ดี

การที่ทุกคนมาทำงานออฟฟิศและต้องรักษาระยะห่างต่อกันอยู่นั้น ระบบคอมพิวเตอร์และเน็ตเวิร์กควรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การใช้ซอฟท์แวร์สำหรับการประชุมออนไลน์หรือระหว่างโต๊ะทำงาน การใช้ระบบเซนเซอร์แทนการใช้มือสัมผัสประตู เป็นต้น

ปรับตัวให้เหมาะสมกับเวลาทำงาน

เมื่อต้องทำงานอยู่บ้าน อาจจะไม่มีกรอบตายตัวในเรื่องของเวลามากนัก เพราะไม่ต้องเดินทางไปออฟฟิศ จะเลิกงานตอนไหนหรือเข้างานเมื่อไหร่ก็ได้ ขอแค่ให้งานสำเร็จลุล่วง แต่เมื่อต้องกลับเข้ามาทำงานในออฟฟิศควรปรับตัวให้เหมาะสมกับเวลางานและต้องตื่นเช้ากว่าเดิมเพื่อที่จะมาทำงานให้ตรงเวลา

ทั้งหมดเป็นมาตรการบางส่วนที่องค์กรและพนักงานจะต้องปฏิบัติตามเพื่อลดการติดเชื้อ หากต้องการปรับเปลี่ยนการทำงานที่บ้านมาเป็นทำงานที่ออฟฟิศ ในส่วนขององค์กรเองก็ควรสอบถามถึงความต้องการอื่น ๆ เพิ่มเติมหรือเป็นข้อเสนอแนะระหว่างพนักงานและองค์กรเพื่อหาข้อปฏิบัติที่เห็นพ้องต้องกัน

4 แนวคิดของคนทำงานที่ประสบความสำเร็จ

4 แนวคิดของคนทำงานที่ประสบความสำเร็จ

คนที่ประสบความสําเร็จในการทำงานมักจะมีวิธีคิดที่ดึงศักยภาพการทำงานออกมาให้มากที่สุด สิ่งสำคัญคือเมื่อเราควบคุมความคิดของเราไปโฟกัสกับสิ่งที่กำลังทำอย่างมีประสิทธิภาพ งานก็จะออกมาดี มาดูกันว่าแนวคิดของคนทำงานที่ประสบความสำเร็จมากกว่าคนอื่นนั้นเป็นอย่างไร

1.โฟกัสกับงานทีละอย่าง

มีสมาธิกับสิ่งที่กำลังทำเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จทั้งหมด คนเราจะมีสมาธิได้จะต้องมีสุขภาพที่ดีและนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ ท่องเอาไว้ทุกวันเรื่องการโฟกัสงานทีละอย่าง กำหนดเป้าหมายชัดเจน วางแผนการทำงานทีละขั้นตอนและทุ่มเทความพยายามทำสิ่งเดียวให้สำเร็จ คนที่ทำหลายสิ่งในเวลาเดียวกันอาจกำหนดระยะเวลาแล้วลงมือทำให้เสร็จตามเป้าหมายได้ แต่ผลงานจะไม่ดีเท่ากับการโฟกัสกับงานทีละอย่าง ซึ่งสามารถทำให้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ได้

2.หนักเอาเบาสู้ ทุ่มเทเพื่อความสำเร็จ

ทุกครั้งที่ทำงานอย่าเลือกงานว่าง่ายหรือยาก แต่ให้มองไปที่ผลงานว่าคุ้มค่าหรือไม่ รู้มูลค่าของสิ่งที่ทำและความสำเร็จจะให้อะไรกับเราบ้าง ไม่มีงานไหนที่ทำแล้วไม่เหนื่อย ต้องปรับทัศนคติให้มองในแง่บวกเข้าไว้จะทำให้เรื่องยากกลายเป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าจะเป็นงานยากแบบไหนหากเราเชื่อมั่นว่าทำได้และตั้งใจทำอย่างเต็มที่ จะสามารถแก้ปัญหาอุปสรรคเพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จในที่สุด หมั่นหาความรู้พัฒนาตัวเองแก้ไขจุดอ่อนและเพิ่มจุดแข็งทำให้ดีที่สุด ต่อให้เหนื่อยแค่ไหนก็คุ้ม เมื่องานยากสำเร็จลุล่วงแล้วยังมีผลตอบแทนที่ดีอีกด้วย

3.บริหารเวลาให้เป็น

หลักการทำงานของคนที่ประสบความสำเร็จคือต้องตั้งเป้าหมายทุกวันและทำงานให้เสร็จจนเป็นนิสัย ทุกคนมีเวลาวันละ 24 ชั่วโมงเท่ากัน คนที่บริหารจัดการเวลาได้ดีเท่านั้นจะมีโอกาสก้าวหน้ารวดเร็วกว่าคนอื่น การใช้เวลาให้คุ้มค่าจะต้องทำงานเสร็จเร็วทันเวลาและมีช่วงเวลาพักผ่อนคลายเครียดด้วย ช่วยให้เรามีความสุขในชีวิตได้มากขึ้น

4.รักษาสมดุลระหว่างงานและชีวิต

ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนว่าอยากจะทำอะไรในชีวิต บางครั้งการทำงานต้องเสียสละทั้งเวลาและความสัมพันธ์ในครอบครัวไปบ้าง แต่ยังต้องรักษาความสมดุลเอาไว้ให้ดี ความสำเร็จในหน้าที่การงานไม่ใช่การเสียสละตัวเองเพื่อทำงานอย่างเดียว อย่าละเลยสุขภาพหมกมุ่นทำงานอย่างเดียวจนชีวิตไม่มีความสุข ทำให้เกิดการสูญเสีย สุดท้ายอาจพบว่าความสำเร็จนั้นเปล่าประโยชน์และไร้ค่าเมื่อต้องแลกกับความสูญเสียทั้งสุขภาพ ความสัมพันธ์ในครอบครัว และความสุขในชีวิต

การทำงานให้ประสบความสำเร็จเป็นเรื่องที่ท้าทาย ถ้าเราคิดว่างานยากเกินไปก็เป็นทุกข์ ถ้าเราเลิกคิดวิตกกังวลก็ไม่เป็นทุกข์ คนธรรมดาที่ไม่โดดเด่นอะไรแต่ถ้ามีความเข้มแข็งของจิตใจจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นในศักยภาพของตนเอง สามารถโฟกัสกับงาน มีสมาธิทำงานอย่างเต็มที่ สุดท้ายความสำเร็จก็จะไม่หนีไปไหน

อาชีพเสริมยอดฮิต ขยันทำเงิน สร้างรายได้หลักแสน

ขายภาพออนไลน์ รายได้หลักแสน

ในสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน ต้องบอกได้เลยว่ารายได้จากช่องทางหลักเพียงช่องทางเดียวคงไม่ดีแน่ โดยเฉพาะคนที่ผ่านประสบการณ์ปิดเมืองจากโควิด-19 ทำเอาหลายคนตกงาน ต่างหาอาชีพเสริม จนสร้างรายได้กลายเป็นอาชีพหลักได้ บางคนต้องหารายได้ให้ได้อย่างน้อย 2 ช่องทาง เผื่อฉุกเฉินหากช่องทางหลักได้รับผลกระทบ วันนี้เราจึงมาแนะนำอาชีพเสริมยอดฮิต หากขยันทำจริง และพบกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมก็สามารถที่จะสร้างรายได้หลักแสนได้

ขายของออนไลน์ – เป็นหนึ่งในอาชีพในดวงใจหลาย ๆ คน เพราะไม่ต้องมีหน้าร้าน ไม่ต้องเสียค่าเช่า เพียงใช้ช่องทางผ่านโซเชียลมีเดียที่มีให้ใช้ฟรี โปรโมทเพื่อขายสินค้าได้หลากหลายชนิด หรือจะใช้บริการเว็บขายของออนไลน์ยอดนิยมก็ไม่มีใครว่า เพียงเลือกสินค้าที่ตอบโจทย์ รับรองรุ่ง

ฟู้ด เดลิเวอรี่ – จะเห็นว่าในสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา อาชีพขับรถส่งอาหารได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแต่คนขับรถส่งอาหารเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงบริษัทผู้ให้บริการแอปพลิเคชันอีกด้วย เพียงแค่มีรถจักรยานยนต์เป็นของตนเอง เพียงเท่านี้ก็สามารถสร้างรายได้จากการขับรถส่งอาหารได้แล้ว

ทำอาหารขาย – หากคุณมีฝีมือในการทำอาหารและมีความคิดสร้างสรรค์ บอกได้เลยว่าปังมาก เมื่อร้านอาหารไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้านอีกต่อไป เพียงสมัครเข้าร่วมร้านค้ากับแอปพลิเคชันส่งอาหาร จะอยู่คอนโด หอพัก บ้านจัดสรร ก็สามารถขายอาหารตามที่ต้องการ แถมมีคนมารับอาหารไปส่งให้ลูกค้าอีกด้วย

ขายภาพออนไลน์ – รู้หรือไม่แค่รูปถ่ายหน้าคุณในอิริยาบถเดียวแบบต่อเนื่องนานหนึ่งปีก็สามารถขายได้เป็นเงินหลักล้านบาทได้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริงมาแล้วกับชายหนุ่ม ชาวอินโดนีเซีย ที่ประกาศขายรูปถ่ายหน้าตนเองต่อเนื่องทุกวันเป็นระยะเวลา 1 ปี บนแพลตฟอร์ม NFT สร้างรายได้มากกว่า 20 ล้านบาท แล้วคุณจะไม่ลองทำบ้างหรือ

เขียนบทความออนไลน์ – ปัจจุบันคอนเทนต์ประเภทบทความกำลังได้รับความนิยมและสามารถทำงานอยู่ที่บ้านได้ด้วย เพียงคุณมีความรู้ ทักษะการใช้ภาษาและคอมพิวเตอร์ ก็สามารถสร้างรายได้จากการเขียนบทความออนไลน์ได้ มีทั้งรับงานตรงหรือเขียนผ่านเว็บคอนเทนต์ สามารถสร้างรายได้ให้คุณแบบไม่จำกัดได้

สำหรับใครที่กำลังมองหาอาชีพเสริมและต้องการสร้างรายได้ออนไลน์ ลองพิจารณาอาชีพที่แนะนำข้างต้นได้ รับรองได้เลยว่าอาชีพดังกล่าวอาจเปลี่ยนเป็นอาชีพหลักให้คุณได้ นอกจากนี้ยังมีอีกหลากหลายอาชีพให้คุณได้เลือกตามความถนัด เช่น เป็นติวเตอร์ออนไลน์, รับจ้างล้างแอร์ หรือเข้าร่วมกับบริษัทขนส่งเอกชนเพื่อรับจ้างส่งของ อย่าลืมว่าในปัจจุบันหากมีรายรับเพียงทางเดียว ถือเป็นความเสี่ยงอย่างมาก ควรหาทางเพิ่มทักษะและสร้างช่องทางหารายได้ไว้อีกหลายทาง ทำให้มั่นใจว่าจะมีสภาพคล่องทางการเงินที่ดี

อาชีพเสริมน่าทำ สำหรับพนักงานออฟฟิศ 2565

ล่ามออนไลน์

พนักงานออฟฟิศเป็นอาชีพที่มีความมั่นคงค่อนข้างสูง แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ทั่วโลกได้รับผลกระทบจากไวรัส covid ระบาด ก็ทำให้หลายบริษัทต้องปิดตัวลงหรือปรับลดเงินเดือนพนักงาน หลายคนจึงเริ่มมองหาอาชีพเสริมเพื่อเพิ่มเงินเก็บและอาจเป็นอาชีพสำรองในอนาคตได้ด้วย แม้จะไม่ใช่งานทำที่บ้านทั้งหมด แต่นี่เป็น 4 ตัวเลือกสำหรับคนที่อย่างสร้างรายได้นอกเวลางานหลักในยุค WFH

รับจ้างเขียนบทความ

การเขียนบทความเพื่อขายสำหรับเว็บไซต์ต่าง ๆ เป็นช่องทางที่ดีสำหรับคนที่ชอบการขีดเขียน ช่วยสร้างรายได้เสริมได้เดือนละหลายพันบาท เพียงใช้เวลาหลังเลิกงานในการหาข้อมูลและพิมพ์ส่งในระบบออนไลน์ มีหลายเว็บไซต์ที่ต้องการคนมีประสบการณ์ในการวิเคราะห์เรียบเรียงและค้นคว้าข้อมูลต่าง ๆ เพื่อนำไปเขียนบทความที่มีคุณภาพสูงในหลาย ๆ ศาสตร์วิชาความรู้ โดยให้ค่าตอบแทนเป็นรายชิ้นหรือรายเดือนตามที่ตกลงกัน

เป็นล่าม

หลายคนที่ทำงานในบริษัทต่างชาติ จะมีความสามารถพิเศษกว่าคนอื่นในการฟังพูดอ่านเขียนภาษาที่สาม เช่น จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส เยอรมัน ฯลฯ ภาษาเหล่านี้เป็นประโยชน์ในการสร้างรายได้เพิ่ม หากไปสมัครรับงานเป็นล่ามในงานอีเวนต์ต่าง ๆ ช่วงวันเสาร์อาทิตย์ที่ไม่ตรงกับเวลาการทำงาน ทั้งนี้ในปี 2565 มีบริษัทจำนวนมากต้องใช้ล่ามเพื่อแปลระหว่างประชุมออนไลน์ทาง ZOOM ดังนั้น การมองหางานเสริมเป็นล่ามภาษาแบบเฉพาะกิจเป็นครั้งคราว ก็เป็นงานที่น่าสนใจไม่น้อย

ทำอาหาร-ขนมขาย

การทำอาหารคาวหวาน ทั้งแนวขนมไทยและเบเกอรี่กำลังได้รับความนิยมจากคนทำงานออฟฟิศที่อยู่ในช่วง work from home เพราะสามารถหาซื้ออุปกรณ์จากห้างสรรพสินค้าทั่วไปได้ ตั้งแต่เครื่องอบ ปิ้ง ย่าง เตา หม้อ ฯลฯ รวมถึงวัตถุดิบ เช่น แป้ง ไข่ น้ำตาล กะทิ น้ำพริกเผา หมูหย็อง ฯลฯ เพียงเปิดคลิป youtube และหัดทำตามก็สามารถพัฒนาเป็นสูตรเฉพาะตัวและรับออเดอร์ส่งขายเพื่อที่ทำงานในบริษัทเดียวกันหรือขายในกลุ่ม Line ต่าง ๆ ได้แล้ว

เป็นยูทูบเบอร์

มีคำกล่าวว่าการเป็นยูทูบเบอร์ที่ดีควรเริ่มจากสิ่งที่ตัวเองถนัดและสนใจเป็นพิเศษ ถ้าคุณเป็นพนักงานออฟฟิศที่อยู่ในสายการบัญชีหรือธนาคาร คุณก็สามารถที่จะนำความรู้ในเรื่องของการคำนวณต้นทุนกำไร การทำบัญชีรายรับรายจ่ายแบบง่าย หรือแบ่งปันความรู้ทางการเงินการลงทุนให้ผู้คนได้เข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องและใช้ได้จริง ในเวลาไม่นานก็จะมีรายได้จากสปอนเซอร์และจำนวนยอดวิวทาง youtube เดือนละหลายหมื่นได้

อาชีพเสริมสำหรับพนักงานออฟฟิศนั้นมีอยู่มากมาย การมองหาเวลาว่างสร้างรายได้แทนการมานั่งลุ้น ผลบอล7m ให้เสียเวลาปล่าวย่อมดีกว่ากันเยอะ เพียงเลือกสิ่งที่ชอบและแบ่งเวลาให้เหมาะสม ใช้เวลานอกเหนือจากเวลางานจะไม่ถูกตำหนิจากเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานอย่างแน่นอน หากทำสม่ำเสมอ เราเชื่อว่าคุณจะมีรายได้เสริมมากขึ้นที่เพิ่มความมั่นคงทางการเงินให้กับตัวเองได้

ข้อดีของการทำงานที่บ้าน 2022

ข้อดีของการทำงานที่บ้าน 2022

การทำงานในปัจจุบันมีทางเลือกหลากหลาย เราสามารถทำงานได้จากที่บ้านหรือทำงานในออฟฟิศ รวมถึงร้านกาแฟที่มีบริการให้ใช้พื้นที่ทำงาน ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ในส่วนของการทำงานที่บ้านหรือ work from home จะมีข้อดีอะไรบ้างนั้นมาดูพร้อมกันเลย

1. มีเวลาอยู่กับครอบครัวในที่คุ้นเคย 

จุดเด่นที่สำคัญที่สุดของการทำงานจากที่บ้าน คือ ได้อยู่ในบ้านของเราเองกับครอบครัว พร้อมหน้าพร้อมตาด้วยพ่อแม่ พี่น้อง ภรรยาและลูก ทำให้มีความรู้สึกอบอุ่นเหมือนทุกวันไม่ใช่วันทำงาน หันไปทางไหนก็มีแต่คนที่รักและทำให้มีกำลังใจในการทำงานไม่ว่าจะยากแค่ไหน

2. สามารถทำงานได้หลายอย่างพร้อมกัน

การทำงานจากที่บ้านนั้น เราสามารถจัดสรรเวลาในการทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากยิ่งขึ้นและไม่ต้องเสียเวลาไปกับการเดินทาง สามารถทำงานที่หัวหน้างานมอบหมาย ควบคู่กับการเล่นหุ้นจากหน้าจอมือถือ การรับทำงานฟรีแลนซ์ต่าง ๆ เสริมได้ โดยไม่มีใครว่า อีกทั้งยังสามารถช่วยทำงานบ้านเป็นครั้งคราวได้ เช่น ช่วยทำอาหารบางมื้อ ช่วยดูแลลูก เปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูก เป็นต้น

3. ลดค่าใช้จ่าย

ต้องยอมรับว่าค่าใช้จ่ายด้านการเดินทางเป็นสิ่งที่ทำให้เงินในกระเป๋าของเราทุกคนลดลง การขับรถที่เป็นระบบน้ำมันไม่ว่าจะเบนซินหรือดีเซลโดยทั่วไปจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าระบบไฮบริด-รถไฟฟ้า แม้จะใช้เส้นทางสาธารณะ เช่น รถโดยสารประจำทาง ก็ยังมีค่าใช้จ่ายต่อเดือนแล้วเป็นหลักพันบาท การทำงานจากที่บ้านเท่ากับเราประหยัดเงินส่วนนี้ไว้เพื่อการออมในระยะยาวได้มากขึ้น

4. ลดความเสี่ยงการเจ็บป่วย

เราสามารถดูแลความสะอาดได้อย่างทั่วถึงในบ้านของเราเอง ทำให้ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อต่าง ๆ ได้ แต่หากเราเดินทางออกไปนอกบ้าน จะมีโอกาสได้รับเชื้อก่อโรคในระบบทางเดินหายใจมากขึ้น เช่น ไวรัสโควิด ไข้หวัด วัณโรค ฯลฯ หากสมาชิกในบ้านมีผู้สูงวัยก็เท่ากับเพิ่มความเสี่ยงโรคเหล่านี้แก่ท่านเหล่านั้นได้ ดังนั้นเรื่องของสุขภาพกายจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ห้ามมองข้าม

5. มีเวลาออกกำลังกายมากขึ้น

หลายคนที่มักพูดว่า ไม่มีเวลาออกกำลังกาย ทำให้ดูอ้วนและแก่กว่าวัย หากทำงานที่บ้านและจัดตารางเวลาให้ลงตัว จะมีเวลาในการดูแลตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าการกระโดดเชือก การวิดพื้น การเต้นแอโรบิกหรือการซื้อเครื่องออกกำลังกายมาเพื่อใช้เองในครอบครัว ก็จะเห็นผลลัพธ์ที่ดีด้านสุขภาพแน่นอน

การทำงานที่บ้านกำลังเป็นที่นิยม เราทุกคนต้องปรับตัวกับรูปแบบการสั่งงานที่แตกต่างไป เช่น สั่งงานผ่านระบบข้อความหรือไลน์ ส่งงานเป็นไฟล์ผ่านทางอีเมล การระดมความคิดกับทีมหรือประชุมต่าง ๆ ผ่านทางระบบซูม ซึ่งช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านเอกสารและประหยัดเวลาได้อย่างมากด้วย