จะปรับตัวอย่างไรให้ทำงานที่บ้านได้ดี

จะปรับตัวอย่างไรให้ทำงานที่บ้านได้ดี

ในยุคนิวนอร์มอลเช่นปัจจุบัน หลายคนต้องเปลี่ยนแปลงวิถีการทำงาน จากเดิมที่อยู่ประจำในออฟฟิศกลายเป็นการอยู่ติดบ้าน แค่ในห้องแคบ ๆ ซึ่งในระยะแรกอาจรู้สึกถึงความสุขที่ได้มีอิสระเสรีในการใช้เวลาตามใจ แต่ผ่านไปสักระยะอาจตระหนักได้ว่าเราจัดการเวลาตัวเองได้ไม่ดีพอ ทำให้งานก็ไม่เสร็จและยังเสียชีวิตส่วนตัวไปด้วย เรามาดูกันว่า จะปรับตัวอย่างไรให้ทำงานที่บ้านได้ดีขึ้น

1.ไม่ทำงานบนที่นอน
การทำงานบนที่นอนจะทำให้คุณเผลอไผลกับการใช้เวลาดูหนังซีรีส์มากกว่าการตั้งใจทำงานจริง ๆ ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่หักห้ามใจต่ออาการขี้เกียจได้ยาก ก็ควรเลือกพื้นที่มุมใดมุมหนึ่งของห้อง วางโต๊ะเก้าอี้ และสร้างบรรยากาศให้เหมือนเป็นมุมทำงานในออฟฟิศ จะช่วยให้มีสมาธิและตั้งใจทำงานได้ดีขึ้น

2.หาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ
การทำงานที่บ้านเป็นสิ่งที่เหมาะกับคนที่มีแรงขับเคลื่อนในตัวเองสูง แต่คนที่ขาดเป้าหมายในชีวิต มักใช้เวลาเพลิดเพลินกับสิ่งรอบตัวไปเรื่อย ๆ ในระยะสั้น ๆ อาจรู้สึกดี แต่ในระยะยาวแล้วจะเริ่มเบื่อหน่ายชีวิตประจำวันได้ จึงต้องหาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ เพื่อสร้างสีสันให้ชีวิตด้วย เช่น กำหนดให้มี 1-2 วันต่อสัปดาห์ที่จะไปซื้อของเข้าบ้านหรือขับรถไปหาซื้ออาหารร้านที่อร่อยกลับมารับประทานในบ้าน ฯลฯ

3.เขียนตารางบอร์ดลำดับความสำคัญ
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เคยแยกแยะประเภทงานเป็น 4 ช่อง คือ งานด่วนและสำคัญ งานด่วนแต่ไม่สำคัญ งานสำคัญแต่ไม่ด่วน และงานที่ทั้งไม่ด่วนและไม่สำคัญ เราแนะนำให้คุณต้องทำต่อไป เพราะไม่ว่าจะทำงานจากที่ใด ในหนึ่งวันคุณยังมีเวลาจำกัดที่ 24 ชั่วโมงเสมอ เมื่อจำกัดตัวเองแล้ว จะได้ไม่เถลไถลไปกับการดูหนังฟังเพลง อ่านหนังสือนิยาย หรือดูซีรีส์มากเกินไป

4.ปิดเครื่องมือสื่อสาร
หากอยู่ในที่ทำงาน การใช้มือถือเพื่อตอบไลน์ เล่นแชท ย่อมถูกเพื่อนร่วมงานเขม่นหรือถูกเจ้านายตำหนิได้ แต่เมื่อทำงานในบ้านคุณจะไม่มีสถานการณ์บังคับเช่นนั้น หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เสียเวลาวันละหลายชั่วโมงสำหรับการปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนฝูงผ่านไลน์ หรือการใช้สื่อโซเชียลเพื่อช้อปปิ้งออนไลน์นานเกินไป คุณอาจต้องกำหนดเวลาการใช้มือถือว่าจะเปิดดูสื่อโซเชียลเฉพาะตอนช่วงเวลาก่อนรับประทานอาหารเท่านั้น หรือกำหนดเวลาที่แน่นอน จะเป็นช่วงใดก็ได้ของวัน เช่น กำหนดว่าดูครั้งละไม่เกินกี่นาที เป็นต้น

การทำงานที่บ้านแตกต่างจากการทำงานในออฟฟิศ นอกจากความสามารถในการทำงานตามปกติแล้ว ยังต้องสามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดี ไม่ให้เสียสมาธิไปกับสิ่งยั่วยุรอบตัวหรือความสุขสบายที่ต้องการ หวังว่าบทความนี้จะให้ข้อคิดที่ทำให้ทุกคนสามารถปรับตัวเข้ากับการทำงานที่บ้านในยุค New Normal ได้ดีขึ้น

ของ 5 อย่างที่ต้องมีติดบ้านเมื่อต้องทำงานที่บ้าน

ของ 5 อย่างที่ต้องมีติดบ้านเมื่อต้องทำงานที่บ้าน

จนถึงตอนนี้ทุกคนคงคุ้นเคยกับการทำงานที่บ้านกันเป็นอย่างดีแล้ว และเมื่อสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายก็คาดว่ารูปแบบการทำงานแบบ new normal ก็คงกลายเป็นวัฒนธรรมใหม่ของหลายองค์กรไปแล้ว เพราะที่ผ่านมาพิสูจน์ได้แล้วว่าถึงจะทำงานจากที่บ้านก็ยังคงคุณภาพผลงานได้อยู่ ดังนั้นเราต้องเตรียมพร้อมไว้เสมอกับของจำเป็นที่ต้องมีติดบ้านเมื่อต้องทำงานที่บ้านกันยาวต่อไป ควรเตรียมพร้อมกับสิ่งจำเป็น 5 อย่าง ซึ่งจะเป็นอะไรบ้างนั้น ไปดูกัน

1.คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค คืออาวุธที่สำคัญที่สุดของการทำงานไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือที่บริษัท แต่การทำงานที่บ้านสำคัญกว่าตรงที่คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คสามารถยกไปทำงานที่มุมไหนของบ้านก็ได้ เพราะการนั่งติดโต๊ะตลอดทั้งวันไม่ใช่เรื่องดี นอกจากกล้ามเนื้อไม่ได้ผ่อนคลาย ยังเป็นการทำให้กล้ามเนื้อตึงเครียดยิ่งกว่าเก่าด้วย

2.โต๊ะและเก้าอี้ทำงานที่เหมาะสมกับสรีระของร่างกาย เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญที่นอกจากช่วยให้การทำงานลื่นไหลแล้ว ยังสามารถช่วยซัพพอร์ตส่วนต่าง ๆ ของร่างกายให้เกิดความสมดุลอยู่ได้ อย่างเช่น หากต้องนั่งทำงานบนโต๊ะกินข้าวที่ต้องก้มหน้ามากเกินไปเวลาทำงาน อาจทำให้รู้สึกปวดคอ ปวดหลัง บางคนถึงกับปวดตาได้ ดังนั้นการทำงานที่บ้านจึงจำเป็นต้องมีโต๊ะและเก้าอี้ทำงานที่อยู่ในระดับมาตรฐานเหมือนกับการนั่งทำงานในออฟฟิศด้วย

3.สัญญาณอินเตอร์เน็ต ต้องพร้อมใช้ตลอดเวลา สังเกตง่าย ๆ ได้เลยว่าพอทำงานที่บ้าน ก็มีแต่ประชุมออนไลน์แทบจะทั้งวัน ไม่ก็สั่งงานกันผ่านไลน์หรือ e-mail ดังนั้นเพื่อให้ทำงานได้ต่อเนื่องและป้องกันการถูกตำหนิจากหัวหน้าว่าเพราะอะไรถึงติดต่อเรื่องงานไม่ได้สักที ที่บ้านจึงต้องมีการติดตั้งสัญญาณอินเตอร์เน็ตให้สามารถรองรับการใช้งานแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ที่ต้องใช้ในการทำงานได้อย่างเหมาะสม

4.กระดานหรือบอร์ดโน้ต ให้มีติดไว้ข้างโต๊ะ หรืออย่างน้อยก็ต้องมีติดโต๊ะทำงานไว้ เพราะวันหนึ่ง ๆ มีงานหลายสิ่งที่ต้องทำให้เสร็จ จึงจำเป็นต้องมีตัวช่วยในการบันทึกหรือช่วยวางแผนการทำงานแต่ละวันไว้ใกล้มือเพื่อให้เรายังคงส่งมอบงานได้ทันตามกำหนดแม้ว่าจะต้องทำงานจากที่บ้านก็ตาม

5.ต้นไม้ จากผลการวิจัยพบว่าต้นไม้คือตัวกลางในการเชื่อมต่อเรากับโลกภายนอก แถมยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานขึ้นอีก 15% ได้ นั่นหมายถึงต้นไม้คือตัวช่วยเสริมสร้างบรรยากาศในการทำงานไม่ให้อุดอู้จนเกินไป ช่วยเพิ่มความผ่อนคลาย และเมื่อร่างกายได้ผ่อนคลายจะทำให้สมองปลอดโปร่งจึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ยังไงกันล่ะ

ทั้งหมดที่กล่าวมาคือตัวช่วยและอุปกรณ์สำคัญที่จะช่วยให้การทำงานที่บ้านไม่น่าเบื่อและเคร่งเครียดจนเกินไป ไหน ๆ ก็ต้องเตรียมพร้อมกับการใช้ชีวิตแบบ new normal อยู่แล้ว ดังนั้นหากจะเตรียมตัวให้พร้อมกับการทำงานจากที่บ้านซึ่งจะกลายเป็นวัฒนธรรมใหม่ขององค์กรจึงเป็นเรื่องที่ดีที่ช่วยให้ชีวิตการทำงานมั่นคงและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น