การทำงานที่บ้านมีข้อดี – ข้อเสียอย่างไรบ้าง

การทำงานที่บ้านมีข้อดี - ข้อเสียอย่างไรบ้าง

หลายคนไม่เคยทำงานที่บ้านมาก่อนรู้สึกกังวลเรื่องแบ่งเวลางานกับชีวิตส่วนตัวจากกันได้ยาก เกรงว่าจะไม่มีสมาธิเหมือนกับการทำงานในออฟฟิศ มาทำความเข้าใจกันก่อนว่าการทำงานที่บ้านมีข้อดีและข้อเสียอย่างไร

ข้อดีของการทำงานที่บ้าน

1.ความยืดหยุ่นและคล่องตัว
ในยุคโควิด-19 นายจ้างจำนวนมากเปลี่ยนมาใช้นโยบายทำงานจากที่บ้านและจัดตารางการทำงานให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น อย่างน้อยก็มีวันทำงานจากที่บ้านเพิ่มมากขึ้น เมื่อไม่ต้องเสียเวลาหลายชั่วโมงไปกับการเดินทางบนท้องถนนช่วงเช้าหรือเย็นทำให้มีเวลาทำอย่างอื่นมากขึ้น มีเวลาเตรียมงาน ดูแลลูกๆ และได้ใช้ชีวิตส่วนตัวมากขึ้น

2.เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
เริ่มทำงานที่บ้านครั้งแรก หลายคนอาจรู้สึกเป็นกังวล แต่ความจริงแล้วอุปสรรคนั้นน้อยมากเพราะเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตทำให้ง่ายขึ้น มีเครื่องมือการสื่อสารระหว่างเพื่อนร่วมงานและการประชุมทีมที่มีประสิทธิภาพ การทำงานที่บ้านจึงให้ผลในทางตรงกันข้าม เพราะบ้านมีสภาพแวดล้อมที่เงียบขึ้น ไม่ถูกรบกวนหรือถูกขัดจังหวะบ่อย ๆ เหมือนเวลาอยู่ในออฟฟิศ มีสมาธิทำงานได้นานขึ้นและเร็วขึ้น

3.เปิดโอกาสให้คิดอะไรใหม่
เมื่อองค์กรให้โอกาสลูกจ้างมีตัวเลือกว่าจะทำงานจากที่บ้านได้ เปิดโอกาสให้มีความกล้าริเริ่มความคิดใหม่ๆ ด้วยความรู้สึกมั่นใจว่าได้รับความไว้วางใจจากนายจ้างเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นแรงจูงใจให้เกิดความขยันแสวงหาความรู้เพิ่มพูนทักษะความสามารถ รู้สึกมีแรงบันดาลใจมากขึ้นในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้การทำงานออกมาดีที่สุด ส่งผลให้องค์กรมีความได้เปรียบในการแข่งขันมากกว่าคู่แข่ง

4.สุขภาพและความเป็นอยู่ดีขึ้น
การทำงานจากที่บ้านอำนวยความสะดวกสบายหลายด้าน ประหยัดเวลาเดินทาง ได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น ออกกำลังกาย มีเวลาทำอาหารเพื่อสุขภาพ และนอนหลับพักผ่อนมากขึ้น ความเครียดลดลง มีสุขภาพดีขึ้น

ข้อเสียของการทำงานที่บ้าน

1.รู้สึกโดดเดี่ยว การทำงานที่บ้านไม่เหมาะกับทุกคน
ความรู้สึกโดดเดี่ยว ไม่มีที่ปรึกษา เป็นข้อเสียที่คนทำงานที่บ้านต้องเผชิญหน้ากันทุกคน บางคนชอบทำงานร่วมกับคนอื่น มีเพื่อนร่วมงาน และขอคำปรึกษาแบบตัวต่อตัวกับหัวหน้าเพื่อให้งานสำเร็จลุล่วงด้วยดี สภาพแวดล้อมที่บ้านอาจไม่เหมาะกับการทำงาน ไม่มีพื้นที่ทำงานเป็นส่วนตัว ขาดเครื่องมือสนับสนุนการทำงานที่ดีพอ บางคนมีลูกเล็กๆ หรือเสียงรบกวนทำให้งานหยุดชะงักไม่คืบหน้า

2.ตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานได้ยาก
การทำงานจากทางไกลทำให้ประเมินผลการทำงานทำได้ยาก เมื่อไม่มีเจ้านายหรือหัวหน้าคอยติดตามผลงานและตรวจสอบบ่อย ๆ อาจเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน ปล่อยให้เวลาล่วงเวลาเลยไปจนแก้ไขความผิดพลาดล่าช้า งานเสร็จไม่ตรงตามเป้าหมาย จำเป็นต้องวางแผนความร่วมมือให้ดีก่อนจะได้ไม่เกิดปัญหาในภายหลัง

3.จัดสรรเวลาไม่ดี เกิดภาวะหมดไฟ
การทำงานที่บ้านโดยไม่มีการวางแผนจัดสรรเวลาอย่างเหมาะสม ไม่รู้จักแยกแยะเวลาทำงานกับชีวิตส่วนตัว กลายเป็นเสพติดงานคิดเรื่องงานตลอดเวลา ทำงานนานต่อเนื่องจนเหน็ดเหนื่อยเกิดภาวะเครียด ไม่รู้ว่าเมื่อไรควรเลิกงานส่งผลให้สุขภาพย่ำแย่ ปวดเมื่อยเนื้อตัว สะสมนานวันจนในที่สุดก็เกิดภาวะหมดไฟในการทำงาน

ก่อนเริ่มทำงานที่บ้านควรจัดมุมทำงานเป็นสัดส่วนและจัดตารางการทำงานให้ดีมีวินัยกับตัวเองแล้วจะปรับสมดุลระหว่างงานและชีวิตที่ดีขึ้น ทำงานอย่างสบายใจโดยไม่ต้องมีวันลาพักร้อนเลยก็ได้

วิธีสร้างแรงจูงใจในการทำงานที่บ้าน

วิธีสร้างแรงจูงใจในการทำงานที่บ้าน

วิธีสร้างแรงจูงใจในการทำงานที่บ้าน

คุณมองหางานออฟฟิศทำหรืออยู่หรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ การทำงานที่บ้านเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในยุคนี้เพราะการเดินทางสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมากจริงๆ อีกทั้งมื้อกลางวันในเมืองก็มีค่าใช้จ่ายสูงด้วย การทำงานอิสระเป็นสิ่งที่น่าวิตกสำหรับคนที่ยังไม่คุ้นเคย เว้นแต่จะเคยทำงานนอกเวลามาแล้วจะเข้าใจดีว่าการทำงานที่บ้านให้อิสระและมีความยืดหยุ่นมากขนาดไหน ปัญหาจะเกิดก็ตรงที่ไม่สามารถควบคุมตนเองให้มีสมาธิในการทำงาน เสียเวลาไปกับสิ่งต่างๆ รอบตัว ทำให้งานเสร็จไม่ทันกำหนดหรือด้อยคุณภาพกลายเป็นคนขาดความรับผิดชอบ การสร้างแรงจูงใจในการทำงานจึงเป็นเรื่องสำคัญเพื่อให้มีเวลาทำงานเป็นส่วนตัวแยกออกจากชีวิตประจำวัน ทำงานสำเร็จทันเวลาและมีประสิทธิภาพ ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับกระตุ้นให้เกิดความตั้งใจทำงาน 6 วิธีด้วยกัน

เทคนิคกระตุ้นความตั้งใจทำงาน

1.ตื่นเช้า

ถ้าคุณไม่ได้ทำงานออฟฟิศ อาจเป็นเรื่องยากที่จะลุกตื่นแต่เช้าเพื่อลงมือทำงานทันเวลาที่กำหนด แต่การตื่นเช้าเป็นนิสัยที่ดีและเป็นประโยชน์ สังเกตได้ว่าผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จมักจะตื่นแต่เช้า มีโอกาสเริ่มต้นในวันใหม่ก่อนใคร เหมือนคำสุภาษิตที่ว่านกตัวที่ตื่นเช้าจะจับหนอนได้ก่อนใคร ถึงจะไม่ต้องรีบร้อนแต่งตัวออกจากบ้าน การตื่นเช้าทำให้มีเวลาออกกำลังกาย ตอบอีเมล์และวางแผนงานที่ต้องทำตลอดวัน

2.วางแผนงานให้เป็นกิจวัตร

ความสำเร็จเป็นรางวัลชีวิต การทำงานที่บ้านอาจดูเหมือนมีอิสระเต็มที่ ไม่ต้องนั่งติดโต๊ะทำงานตลอดเวลา แต่ไม่ว่าจะทำงานอยู่ที่ไหน คุณต้องตั้งเป้าหมายการทำงานและวางแผนชีวิตแต่ละวัน เช่น ตื่นเช้าไปวิ่ง ตอบอีเมล์และเข้าสู่โหมดการทำงาน บริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพจะเห็นผลลัพธ์ที่เป็นบวก ส่งเสริมประสิทธิภาพโดยรวม แน่ใจว่าจะรักษาระเบียบวินัยและแรงจูงใจในการทำงานเป็นกิจวัตร

3.แต่งตัวเพื่อความสำเร็จ

คนทำงานที่บ้านมักจะสวมชุดนอนเสมอ เป็นข้อเสียที่อาจทำให้เสียจรรยาบรรณในการทำงาน ไม่จำเป็นต้องสวมสูทและผูกเน็คไท เพียงแต่แต่งตัวเรียบร้อยเพื่อสร้างแรงบันดาลใจกระตุ้นความรู้สึกว่าเป็นมืออาชีพยิ่งขึ้น เพิ่มความมั่นใจให้ตัวเองและมีแนวโน้มที่จะทำงานดีขึ้น แม้ว่าจะทำงานคนเดียวตลอดทั้งวันโดยไม่ได้เห็นเพื่อนร่วมงานก็ตาม

4.จัดระเบียบที่ทำงาน

หลายคนไม่ตระหนักถึงข้อนี้มาก่อน โต๊ะทำงานที่ยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบทำให้เสียเวลาค้นหาไฟล์หรือสิ่งที่ต้องการใช้ ทำให้เสียเวลา หงุดหงิด เสียสมาธิ สมองตื้อคิดอะไรไม่ออก ลดประสิทธิภาพการทำงาน ลองคำนวณผลลัพธ์เป็นเดือนเป็นปีดูว่าเสียเวลาไปเท่าไร การจัดทุกสิ่งเป็นระเบียบทำให้สมาธิไขว้เขวน้อยที่สุดในแต่ละวัน เพียงแค่จัดโต๊ะทำงาน เก็บไฟล์เป็นหมวดหมู่ในคอมพิวเตอร์หรือแล็ปท็อปให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ คุณจะพบว่าชีวิตง่ายขึ้นมาก

เทคนิคกระตุ้นความตั้งใจทำงาน

5.อดทนต่อสิ่งรบกวน

เมื่อรู้สึกงานน่าเบื่อ หลายคนคลิกไปดู Facebook อ่านบล็อกหรือเล่นโซเชียลมีเดีย พยายามตั้งสมาธิและอดทนต่อสิ่งรบกวน แม้แต่การรับโทรศัพท์มือถือก็ทำให้ใจไม่จดจ่ออยู่กับงานที่กำลังทำ ควรวางโทรศัพท์ห่างจากตัวหรือปิดเสียงริงโทน ปิดโปรแกรมแชทในคอมพิวเตอร์เพื่อโฟกัสอยู่ที่งาน อาจหยุดทำงานเพื่อตรวจเช็คสื่อสังคมออนไลน์ทุกๆ สองสามชั่วโมง

6.หยุดพักบ้าง

เมื่อคุณสังเกตเห็นว่าคุณกำลังคิดไม่ออกหรือทำงานช้าลง ควรหยุดพักให้แน่ใจว่าพักผ่อนสมองและสายตาเพียงพอ ก่อนที่จะกลับมาทำงานต่อ ตั้งโฟกัสให้ดีเพื่อที่จะผลิตงานที่ดีที่สุดออกมาอย่างต่อเนื่อง