Work from Home แบบหมดห่วงด้วย 5 วิธีทำงานที่บ้านให้ได้ประสิทธิภาพ

Work from Home แบบหมดห่วงด้วย 5 วิธีทำงานที่บ้านให้ได้ประสิทธิภาพ

นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 หลายองค์กรต่างหันมาใช้วิธี Work from Home หรือการทำงานจากที่บ้านเพื่อเว้นระยะห่างและลดการติดเชื้อ แต่แม้ว่าโควิด-19 จะกลายเป็นโรคประจำถิ่นและแพร่ระบาดน้อยลงแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นองค์กรจำนวนมากยังคงมีนโยบายให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน ซึ่งบางครั้งหลายคนเจอปัญหาว่าการทำงานจากบ้านไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ทำงาน เพราะฉะนั้นลองมาดู 5 วิธีที่จะทำให้การทำงานที่บ้านมีประสิทธิภาพและไม่น่าเบื่อ

1. มุมทำงานที่เหมาะสม

นับเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับต้น ๆ เลยก็ว่าได้ เพราะมุมทำงานที่ดีส่งผลให้การทำงานมีประสิทธิภาพ เทคนิคจัดมุมทำงาน คือ แสงสว่างต้องเพียงพอ ระบายอากาศได้ดี ไม่อบอ้าว หากเป็นไปได้ควรเลือกมุมที่ชมวิวด้านนอกได้ เพื่อเป็นการพักสายตา

2. เก้าอี้ที่ดีต่อสุขภาพ

แต่ละวันคนเราต้องใช้เวลาทำงาน 8-9 ชั่วโมงต่อวัน เก้าอี้ที่ออกแบบมาเพื่อการนั่งนาน ๆ จึงเป็นสิ่งที่ควรลงทุน สำหรับเก้าอี้ควรเลือกแบบรองรับสรีระ กระจายน้ำหนักได้ดี มีพนักพิงหลังและที่วางแขน อย่าลืมซื้อเบาะรองหลังเพิ่มเติมเพื่อลดอาการปวดหลังจากออฟฟิศซินโดรม

3. แยกมุมทำงานและมุมพักผ่อนอย่างชัดเจน

แม้หลายคนเลือกทำงานในห้องนอนแต่ถึงอย่างนั้นควรจัดสรรพื้นที่แยกกันอย่างชัดเจน ไม่อย่างนั้นอาจทำให้รู้สึกไม่กระฉับกระเฉง อยากพักผ่อนตลอดเวลา โดยพื้นที่ทำงานที่เป็นสัดส่วนจะช่วยให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและทำให้กระตือรือร้นมากขึ้นอีกด้วย

4. จัดเวลาทำงานให้เหมือนอยู่ออฟฟิศ

ปัญหาใหญ่ที่หลายคนเจอคือเมื่อทำงานที่บ้านแล้วใช้ชั่วโมงทำงานมากกว่าเดิมจนไม่มีเวลาพัก ทั้งที่จริงแล้วเราควรจัดสรรเวลาให้เหมือนตอนทำงานออฟฟิศ นั่นคือ มีเวลาเข้างาน มีเวลาพักเที่ยง และมีเวลาเลิกงานอย่างชัดเจน เพื่อไม่ให้ทำงานหนักเกินไปและไม่ให้ร่างกายรู้สึกเครียด

5. พูดคุยกับคนในครอบครัวให้เข้าใจ

สำหรับใครที่อาศัยในครอบครัวใหญ่ บางครั้งเจอปัญหาคนในครอบครัวไม่เข้าใจว่าทำไมจึงต้องทำงานที่บ้าน หรือบางครั้งคนในบ้านรบกวนเวลาทำงาน ปัญหาเหล่านี้แก้ได้ด้วยการสื่อสารกับคนในบ้านให้เข้าใจว่าเวลาทำงานกี่โมง หรือมีวันใดบ้างที่มีประชุมและต้องการความเงียบมากเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้คนในครอบครัวส่งเสียงรบกวน การทำงานก็จะมีสมาธิมากขึ้น

เพียงทำตาม 5 ข้อนี้ เชื่อได้เลยว่าการทำงานจากบ้านจะมีสมาธิและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสำหรับใครที่อาจรู้สึกเหงาเพราะการทำงานจากบ้านทำให้ไม่ได้พบปะผู้คน แนะนำว่าให้หาเวลาออกไปเจอเพื่อนร่วมงานบ้าง โดยอาจนัดกันไปทำงานนอกสถานที่สัปดาห์ละ 1-2 วัน นอกจากทำให้ไม่รู้สึกเบื่อกับการนั่งทำงานคนเดียวแล้วยังเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศการทำงาน เพียงเท่านี้ก็ไม่รู้สึกเบื่อแถมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

Work from Home – ทำงานที่บ้านอย่างไร ให้ได้ประสิทธิภาพ

Work from Home - ทำงานที่บ้านอย่างไร ให้ได้ประสิทธิภาพ

หลังจากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) เป็นเวลากว่า 2 ปี ส่งผลกระทบต่อชีวิต สังคม เศรษฐกิจในวงกว้าง คนทั่วทั้งโลกต่างต้องกักตัวในบ้านหรือที่พักอาศัยเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ จึงต้องปรับตัวมาทำงานที่บ้าน หรือ Work from Home (WFH) จนแม้ในเวลานี้ที่ความรุนแรงของโควิด-19 จะดูลดลงไปมากแล้ว แต่ในหลายองค์กรทั้งรัฐและเอกชนยังให้พนักงานทำงานที่บ้านในบางวันอยู่

การทำงานที่บ้าน หรือ Work from Home มีข้อดีทั้งต่อองค์กรนายจ้างเองที่สามารถลดต้นทุนค่าไฟ ค่าอินเทอร์เน็ต ค่าอุปกรณ์สำนักงาน ส่วนพนักงานลูกจ้างก็จะสามารถบริหารเวลาตัวเองให้มีมากขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปออฟฟิศ

แต่การทำงานที่บ้านก็มีข้อเสียอยู่เช่นกัน ในกรณีที่ว่าด้วยเรื่องประสิทธิภาพของตัวงาน ไม่มีหัวหน้าคอยดูแล ไม่มีเพื่อนร่วมงานให้ปรึกษาปัญหาต่าง ๆ ที่อาจจะมี รวมไปถึงการที่คนทำงานที่บ้านต้องมีวินัยเพิ่มมากขึ้น เพราะการอยู่บ้านก็มีสิ่งรบกวนใจได้ไม่น้อย 

วิธีการทำงานที่บ้าน ให้มีประสิทธิภาพ

เมื่อมีอิสระมากขึ้น ก็อย่าให้วินัยลดลง

เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของคนทำงานที่บ้าน เพราะเราต้องบริหารจัดการชีวิตด้วยตัวเอง ไม่มีการตอกบัตรเข้างาน ไม่มีเวลาเบรกที่แน่นอน ไม่มีผู้บังคับบัญชาคอยดูแล ไม่มีเวลาเริ่มงานหรือเลิกงานเป๊ะ ๆ เหมือนเวลาไปทำงานที่ออฟฟิศ สิ่งเหล่านี้อาจจะให้เราตื่นสายกว่าปกติ ขี้เกียจกว่าเดิม เผลอไปเล่นเกมหรือช้อปปิ้งออนไลน์บ่อยเกินไป

ดังนั้น ควรต้องพึงตระหนักเรื่องของวินัยให้มากและบังคับตัวเองให้ได้

อุปกรณ์พร้อม สัญญาณอินเทอร์เน็ตเสถียร แอปพลิเคชันครบ

ประสิทธิภาพการปฏิบัติงานมาจากคุณภาพของเครื่องมือที่ใช้ ดังนั้นหากจำเป็นต้องทำงานที่บ้าน เราก็ควรจะมีพร้อมซึ่งเครื่องใช้ไม้สอยต่าง ๆ ให้เหมือนหรือใกล้เคียงกันกับตอนทำงานที่สำนักงาน อาทิ คอมพิวเตอร์ที่มีคุณภาพ ซอฟต์แวร์ที่จำเป็น รวมถึงแอปพลิเคชันสำหรับการ Work from Home การประชุมออนไลน์ หรือไฟล์ข้อมูลที่จำเป็นต่องาน ที่สำคัญที่สุดก็คือ สัญญาณอินเทอร์เน็ตที่เพียงพอสำหรับการทำงาน

เหล่านี้เป็นต้นทุนของผู้ปฏิบัติงานที่จำเป็นต้องมี เพื่อรองรับการทำงานที่บ้านได้อย่างสะดวก ไม่ติดขัด

ถึงอยู่บ้าน ก็ไม่ได้แปลว่าว่างตลอด

สำหรับเจ้านาย หัวหน้านาย ผู้จัดการ ผู้บังคับบัญชา ที่ Work from Home ก็ต้องพึงระลึกไว้เหมือนกันว่า ลูกน้องของเราที่ทำงานที่บ้านก็มีเวลาเริ่มงานและเลิกงานเป็นปกติ บางทีอาจจะเผลอส่งไลน์ถามหรือทวงงานไปในเวลาที่ไม่เหมาะสม ถ้าส่งไปในลักษณะความประสงค์จะทิ้งข้อความไว้ก็แนะนำให้ส่งเป็นอีเมลดีกว่า เพราะนอกจากทำแบบนั้นจะไม่ได้งานที่ดีแล้ว ยังจะเป็นการทำให้ความสันพันธ์ระหว่างกันมีปัญหา

Work from Home เป็นวิถีชีวิตใหม่ปกติ (New Normal) จะมีมากขึ้นเป็นลำดับ เพราะเทคโนโลยีในยุคสมัยนี้ ในหลายสาขาวิชาชีพสามารถใช้จัดการงานต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องเดินทางเข้าสำนักงานอีกแล้ว หากเพียงแต่เราสามารถสร้างงานที่มีคุณภาพได้จากการทำงานที่บ้าน ประสิทธิภาพงานเท่าเดิม ต้นทุนนายจ้างลดลง ลูกจ้างมีอิสระมากขึ้น มีเวลามากขึ้น ไม่เครียดกับปัญหาการจราจร แบบได้ประโยชน์กันทุกฝ่ายเลย

เช็กลิสต์ 5 อาชีพสร้างรายได้แม้อยู่บ้าน ไม่ง้อออฟฟิศ

เช็กลิสต์ 5 อาชีพสร้างรายได้แม้อยู่บ้าน ไม่ง้อออฟฟิศ

ตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ดูเหมือนว่าการใช้ชีวิตของทุกคนต้องเปลี่ยนไป โดยเฉพาะการทำงานที่ปัจจุบันหลายองค์กรได้ประกาศให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน (Work from Home) และสำหรับใครที่เบื่อการจราจรติดขัดและอยากทำงานจากที่บ้าน ลองมาดู 5 อาชีพน่าสนใจที่ทำงานจากบ้านได้แบบไม่ง้อออฟฟิศ

1. นักเขียน นักแปล

เพราะการคิดงานเขียนและการเรียบเรียงภาษาไม่จำเป็นต้องติดต่อประสานงานกับคนแผนกอื่นมากเท่าไหร่นักจึงเป็นอาชีพที่ทำงานจากบ้านได้ อีกทั้งการทำงานจากที่บ้านยังได้เปรียบมากกว่าการทำงานในออฟฟิศ เพราะนักเขียนและนักแปลจำเป็นต้องใช้สมาธิระหว่างทำงาน การนั่งทำงานในออฟฟิศจึงอาจทำให้เสียสมาธิได้ง่ายกว่า เพราะเพื่อนร่วมงานชวนคุย แถมบรรยากาศการทำงานยังเต็มไปด้วยผู้คนมากมายเดินไปมา

2. กราฟิกดีไซเนอร์

อาชีพกราฟิกดีไซเนอร์เป็นอาชีพที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ตลอดเวลา ซึ่งการทำงานในสถานที่ที่เงียบสงบ คนไม่พลุกพล่าน จะช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ได้ดี นี่จึงเป็นอาชีพที่สามารถทำงานจากบ้านได้ แต่หากเป็นงานใหญ่ งานซับซ้อน ที่จำเป็นต้องคุยรายละเอียดมาก ๆ จำเป็นต้องนัดกราฟิกดีไซเนอร์เพื่อทำความเข้าใจตรงกัน จากนั้นจึงปล่อยให้พวกเขาสร้างสรรค์ผลงานจากที่บ้านต่อไป

3. แอดมินเพจ

เดี๋ยวนี้ใคร ๆ ต่างสั่งซื้อสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์ด้วยกันทั้งนั้น เพราะฉะนั้นแต่ละแบรนด์ต่างมีแอดมินทำหน้าที่ตอบคำถามลูกค้าอย่างทันท่วงที อาชีพแอดมินเพจจึงสามารถทำงานที่บ้านได้ เมื่อมีข้อความเด้งมาเมื่อไหร่ก็สามารถตอบคำถามและปิดการขายอย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องเดินทางมาที่ออฟฟิศให้เหนื่อย

4. เทรนเนอร์

หากเป็นสมัยก่อนนี้เหล่าเทรนเนอร์ต้องทำงานในยิม แต่ตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 คนเราต่างใช้ชีวิตในบ้านมากขึ้น จึงเกิดการว่าจ้างเทรนเนอร์ไปสอนออกกำลังกายที่บ้านแทน อาชีพเทรนเนอร์จึงไม่จำเป็นต้องทำงานในยิมเสมอไป ใครรู้ตัวว่าชอบออกกำลังกายแนะนำให้ลองสวมบทเทรนเนอร์ส่วนตัวเพื่อหารายได้แบบไม่ต้องเข้ายิม

5. ติวเตอร์ออนไลน์

อีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับคนชอบถ่ายทอดความรู้แต่ไม่อยากเข้าออฟฟิศให้เหนื่อย การทำอาชีพติวเตอร์ออนไลน์ดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อย เพราะไม่จำเป็นต้องเข้าสถาบันติวเตอร์ก็สามารถสอนเด็ก ๆ ได้ สามารถเลือกสอนได้ทั้งแบบตัวต่อตัวหรือสอนออนไลน์ เนื่องจากปัจจุบันมีเทคโนโลยีมากมายที่ช่วยให้การเรียนการสอนผ่านช่องทางออนไลน์ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น 

การทำงานจากที่บ้านมีข้อดีคือไม่ต้องเดินทาง ทำให้คนทำงานเหนื่อยน้อยลง แต่ถึงอย่างนั้นอย่าลืมเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วยการหามุมทำงานที่เงียบ ไม่มีคนในบ้านเดินผ่านไปมาบ่อย ๆ รวมถึงการเตรียมโต๊ะและเก้าอี้ที่สามารถนั่งทำงานได้แบบไม่เมื่อย เพื่อการทำงานจากที่บ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่แพ้การทำงานที่ออฟฟิศ

4 อาชีพเสริมทำเงิน สำหรับมนุษย์เงินเดือนยุคนี้

4 อาชีพเสริมทำเงิน สำหรับมนุษย์เงินเดือนยุคนี้

ในอดีต ค่านิยมในการประกอบอาชีพของบัณฑิตจบใหม่ ส่วนใหญ่จะมุ่งตรงไปในสายอาชีพหลัก เช่น การสอบแข่งขันเข้ารับราชการ พนักงานบริษัท ประกอบธุรกิจส่วนตัว และยึดอาชีพเกษตรกรตามต้นทุนของครอบครัว แต่ทว่าในปัจจุบันท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ส่งผลกระทบลุกลามไปทั่วโลก วิกฤตครั้งนี้ได้กลายเป็นช่องทางอันสดใสของอาชีพเสริมหลายอาชีพที่สวนกระแสคนตกงาน เรียกได้ว่าทำเงินและสร้างรายได้ให้เป็นกอบเป็นกำ รวมถึงพนักงานประจำที่เงินเดือนไม่พอใช้ สามารถมองหาอาชีพเสริมเหล่านี้ทำเงินเพิ่มเติมได้ โดย 4 อาชีพเสริม ทำเงินที่ว่านี้ได้แก่

1.อาชีพส่งของออนไลน์ : เป็นอาชีพที่กำลังมาแรงและเติบโตควบคู่ไปกับกระแสธุรกิจออนไลน์อยู่ในขณะนี้ ได้แก่ GRABFOOD, FOODPANDA , LALAMOVE, LINE MAN เป็นต้น เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของเด็กจบใหม่ หรือพี่วินมอเตอร์ไซค์และผู้ที่มีใบขับขี่ แต่ยังไม่มีงานประจำ ซึ่งจากกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมทำให้หลายคนที่หันมายึดเป็นอาชีพเสริม ที่สามารถสร้างรายได้ต่อเดือนสูงกว่าเงินเดือนประจำของพนักงานบางบริษัทเสียด้วยซ้ำไป

2.อาชีพขายของออนไลน์ : ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย เช่น เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม เว็บไซต์จัดจำหน่ายสินค้าต่าง ๆ เช่น ลาซาด้า ช้อปปี้ อาลีบาบา ฯลฯ และช่องทางการไลฟ์สดขายสินค้านานาชนิดทางเฟซบุ๊ก และไลน์ สำหรับข้อดีคือ ไม่จำกัดพื้นที่ในการขาย มีสินค้าหลากหลาย และช่องทางให้เลือกมากมาย แต่ข้อเสีย คือมีการแข่งขันสูง พอ ๆ กับปัจจัยความเสี่ยงอื่น เช่น พวกมิจฉาชีพที่สวมรอย เป็นต้น โดยในปัจจุบันมีคนรุ่นใหม่นิยมทำอาชีพเสริมนี้เป็นจำนวนมาก มีกลยุทธ์การขายที่แตกต่างกันออกไป มีการตัดราคากันเอง ส่งผลให้กำไรลดลง แต่อย่างไรก็ตามอาชีพเสริมนี้ก็ยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อยอดช่องทางธุรกิจไปได้อย่างมหาศาลในอนาคต

3.อาชีพยูทูปเบอร์ : เน้นการขายไอเดียเป็นหลัก เรื่องอุปกรณ์กล้องและการตัดต่อ เป็นองค์ประกอบที่ช่วยให้งานน่าสนใจ แต่จุดขายอยู่ที่เนื้อหาและการพัฒนารูปแบบนำเสนอใหม่ ๆ เพียงเท่านี้ก็สามารถเป็นอาชีพเสริมทำเงินได้ไม่แพ้อาชีพหลักเลยทีเดียว เพราะช่องทางการสร้างรายได้ขึ้นอยู่กับจำนวนคนที่เข้ามาชมและกดติดตาม อีกทั้งรายได้จากสปอนเซอร์ โฆษณาต่าง ๆ ที่จะไหลมาเทมานั่นเอง หมวดหมู่การทำช่องไม่มีขอบเขตจำกัด ใครชอบทีมฟุตบอล อินเตอร์ มิลาน อาจทำช่องแนะนำประวัตินักเตะของทีมโปรดได้เช่นกัน อยู่ที่เราชอบนำเสนออะไรให้ผู้ชมติดตาม

4.อาชีพแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรแบบเกษตรทางเลือก : (เกษตรพอเพียง) เช่น การเก็บเกี่ยว ตัด หั่น และทำความสะอาดพืชผัก ก่อนที่จะจัดตกแต่งลงในบรรจุภัณฑ์ที่สะอาด สวยงาม ถูกหลักอนามัย รวมถึงการแปรรูปผลผลิตไปเป็นผลไม้แช่อิ่ม ขนม เครื่องดื่ม และเครื่องสำอาง จำหน่ายได้ทั้งหน้าร้านและช่องทางออนไลน์

เห็นได้ชัดว่าถ้าเราตั้งใจหารายได้เพิ่มไม่เกี่ยงงานหนัก เราย่อมทำเงินเข้ากระเป๋าได้เพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ตามอาชีพทุกอาชีพ ล้วนมีคุณค่าและความสำคัญแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นอาชีพหลัก หรืออาชีพเสริม ล้วนแต่พิสูจน์ให้เห็นถึงคุณค่าของคน และนำมาซึ่งความสุขใจในแบบฉบับที่เราแต่ละคนได้วางแผนและออกแบบให้พอดีกับวิถีชีวิตของตนนั่นเอง

ทำงานที่บ้านอย่างไรให้มีประสิทธิภาพดี

ทำงานที่บ้านอย่างไรให้มีประสิทธิภาพดี

การทำงานที่บ้านเป็นความใฝ่ฝันของหลายคนที่อยากมีอิสระในการใช้เวลาและประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง แต่การทำงานโดยไม่มีหัวหน้าควบคุมก็อาจจะเป็นปัญหาสำหรับหลาย ๆ คนที่ไม่สามารถบริหารจัดการชีวิตได้อย่างเหมาะ ในวันนี้เราจึงได้รวบรวมเทคนิคการทำงานจากที่บ้านให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น มาฝากกัน ดังนี้

ทำตารางงานที่ชัดเจนในแต่ละวัน

หากเป็นการทำงานในออฟฟิศก็ต้องมีช่วงเวลาทำงานตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น ส่วนการทำงานที่บ้าน หากเราไม่มีการกำหนดตารางงานและการจัดสรรเวลาที่ดี ก็จะทำให้มีความขี้เกียจได้

ดังนั้น การมีตารางงานซึ่งมีรายละเอียดระบุไว้ว่าช่วงเวลากี่โมงต้องทำงานอะไรบ้าง จะช่วยให้สามารถทำงานได้จำนวนชิ้นมากขึ้นและไม่มีปัญหาการหลงลืมงานของลูกค้าด้วย

จัดลำดับการทำงานอย่างเหมาะสม

นอกจากต้องรู้ว่าในแต่ละวันมีงานอะไรต้องทำแล้ว สิ่งที่สำคัญอีกข้อคือต้องลำดับให้ถูกต้องด้วย เช่น งานด่วนและสำคัญ ต้องทำเป็นอันดับแรกของวัน งานยากควรทำก่อน เพราะต้องใช้พลังงานและใช้ความสามารถสูง

แยกแยะเวลาทำงานกับเวลาส่วนตัว

ปัญหาที่พบกับการทำงานที่บ้าน คือ การที่หลายคนไม่สามารถจะแยกเวลางานออกจากเวลาส่วนตัวได้ ทำให้มีเรื่องจุกจิกรบกวนสมาธิตลอดเวลา ทำให้งานมีความผิดพลาดบ่อย วิธีการแก้ไข คือ ต้องปิดเสียงเครื่องมือสื่อสาร ทำงานในห้องเงียบ ไม่มีสัตว์เลี้ยงรบกวน ฯลฯ จะทำให้งานสำเร็จได้ไว และมีการแก้ไขน้อยลง

ทำสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมกับการทำงาน

การทำงานที่บ้าน ควรเริ่มหลังจากการทำกิจวัตรประจำวันเรียบร้อย ทั้งการรับประทานอาหารเช้า อาบน้ำ ฯลฯ แล้วจึงเริ่มทำงานที่โต๊ะทำงานอย่างเป็นระเบียบ ไม่ควรทำงานบนเตียงนอน เพราะจะทำให้มีความขี้เกียจและทำให้ท่าทางในการทำงานไม่ถูกต้องตามหลักการแพทย์ อันทำให้เกิดอาการปวดคอและหลังเร็วกว่าปกติ

แนะนำว่าให้จัดโต๊ะทำงานในตำแหน่งที่มีแสงสว่างเพียงพอและมีอากาศถ่ายเทดี จะช่วยให้มีการทำงานมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น

มีช่วงเวลาผ่อนคลาย

การพักสมองและผ่อนคลายอิริยาบถเป็นสิ่งที่จำเป็นเพราะประสิทธิภาพงานจะลดลงตามความอ่อนเพลียได้ ทั้งนี้ควรแบ่งเวลาในแต่ละวันเพื่อการออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่ควรรับงานอย่างหักโหม เพราะหากมีความเจ็บป่วยเกิดขึ้นก็จะทำให้งานทุกอย่างหยุดชะงักลงไปด้วย

จะเห็นได้ว่าการทำงานที่บ้านจะต้องมีการบริหารจัดการและวางแผนชีวิตในแต่ละวันให้มีความเป็นระเบียบ และเลือกพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการทำงานเป็นสัดเป็นส่วนด้วย จึงจะทำให้ประสิทธิภาพของงานดียิ่งขึ้น

ทำงานที่บ้านอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ

เลือกเลย ทำงานที่บ้านสร้างรายได้สไตล์ไหนที่คุณชอบ ปี 2018

เลือกเลย ทำงานที่บ้านสร้างรายได้สไตล์ไหนที่คุณชอบ ปี 2018

เลือกเลย ทำงานที่บ้านสร้างรายได้สไตล์ไหนที่คุณชอบ ปี 2018

การทำงานที่บ้านเป็นเทรนด์การสร้างรายได้ที่ยอดนิยมและเป็นที่ใฝ่ฝันของคนรุ่นใหม่อย่างมาก ซึ่งในปี 2018 มีงานอะไรที่สามารถทำที่บ้านแล้วยังสร้างรายได้ที่สูงด้วย เรามาดูพร้อมกันเลย

สไตล์งานขาย-ชอบคุย-ชอบแนะนำ

สไตล์งานขาย ชอบคุย ชอบแนะนำ

คนที่รู้ตัวว่าคุยเก่งและชอบโปรโมชั่นโมตสินค้าและบริการยิ้มได้เลย เพราะคุณเป็นหนึ่งในสไตล์ที่มีบริษัทจำนวนมากตามตัวอยู่ ซึ่งสามารถรับบรีฟงานจากบริษัทแล้วก็กลับมาวางแผนและทำการขายจากที่บ้านในรูปแบบที่คุณถนัดได้เลย

แต่หากอยากมีความเป็นอิสระยิ่งกว่า ต้องเลือกเป็นบล็อกเกอร์และนักรีวิวสินค้าที่คุณจะมีสปอนเซอร์สร้างรายได้ให้คุณต่อเดือนหลักแสนหลักล้าน หากคุณมีทักษะการนำเสนอ และมีการเล่าเป็นเรื่องราว story ที่น่าสนใจก็ไม่ต้องกังวลเรื่องรายได้แน่นอน

สไตล์นักคีย์-พิมพ์สัมผัสได้ฉับไว

สไตล์นักคีย์ พิมพ์สัมผัสได้ฉับไว

สำหรับคนที่พิมพ์ดีดแบบสัมผัสคล่องแคล่วทั้งภาษาไทยและอังกฤษ โดยที่รักความเป็นส่วนตัว ไม่ชอบสุงสิงกับใคร งานสไตล์รับคีย์ข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์ทางการตลาดกำลังเป็นที่ต้องการอย่างมาก เพราะมีบริษัทจำนวนมากคอยผลการวิเคราะห์จากข้อมูลแบบ BIG DATA เพื่อไปต่อยอดทางธุรกิจ หากถนัดด้านนี้ก็ลุยเลย เชื่อว่าจะมีงานล้นจนเรียกว่าคีย์กันไม่ทันเลยทีเดียว

สไตล์เด็กเนิร์ด อยู่กับคอมพิวเตอร์ได้ทั้งวัน

สไตล์เด็กเนิร์ด อยู่กับคอมพิวเตอร์ได้ทั้งวัน

งานที่เหมาะสมที่สุดกับคนสไตล์เด็กเนิร์ดคือ นักโปรแกรมเมอร์ ที่สามารถรับงานเป็นจ๊อบ ๆ ได้และทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ได้ทั้งวันทั้งคืน พร้อมแก้ไขปัญหาที่เกิดในระบบคอมพิวเตอร์ด้านต่าง ๆ ได้ด้วยความรู้สึกท้าทายและเร้าใจ หากคุณเป็นคนพันธุ์นี้แล้วล่ะก็ อยู่เฉยทำไม ลุกมารับงานรับทรัพย์เลย !!!

สไตล์เป็ดน้อย เป็นอย่างละนิดละหน่อยเกี่ยวกับงานออนไลน์

สำหรับคนที่มีความเป็น “เป็ด” คือ ให้ตอบคำถามลูกค้าก็ทำได้ ให้ทำงานประสานกับฝ่ายต่าง ๆ ก็ราบรื่น ให้ควบคุมทีมงานส่งงานตาม timeline ก็สบายมาก ฯลฯ อย่างนี้ต้องมาเป็นแอดมินเพจหรือเป็นผู้ประสานงานในเว็บไซต์ต่าง ๆ เพราะเป็นคุณสมบัติที่บริษัทเหล่านี้ ต้องการอย่างมาก ที่สำคัญมีโอกาสได้เรียนรู้งานด้านอื่น ๆ ในวงการไอทีที่จะช่วยเพิ่มโปรไฟล์เด็ด ๆ ให้คุณได้อีกอย่างแน่นอน

เป็นอย่างไรกันบ้างกับแนวทางการทำงานที่บ้านที่เราได้แนะนำไป มีสไตล์ไหนตรงใจ และเข้ากับตัวคุณบ้าง หวังว่าจะทำให้คุณเกิดไอเดียในการสร้างงานสร้างรายได้ให้ตัวเองมากขึ้น และที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นงานสไตล์ใด ขอแค่มีความตั้งใจที่จะพัฒนาทักษะและความสามารถเชิงลึกให้โดดเด่นยิ่งขึ้นไปอย่างไม่หยุดหย่อน เชื่อว่าคุณจะสามารถมีรายได้เลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้อย่างยอดเยี่ยมและยาวนานแน่นอน

งานออนไลน์ 4 อย่างสำหรับนักศึกษา แม่บ้าน และคนที่กำลังว่างงาน

งานออนไลน์ 4 อย่างสำหรับนักศึกษา แม่บ้าน และคนที่กำลังว่างงาน

คนส่วนใหญ่มีทักษะเฉพาะบางอย่างที่สามารถสร้างรายได้ได้ ซึ่งคุณสามารถ re-skill ด้วยตัวคุณเองทุกที่ทุกเวลา หลังจากเริ่มทำออนไลน์หรือการทำงานจากที่บ้านเพื่อให้มีรายได้ไม่ต่างจากการทำงานประจำหรืออาจจะมากกว่าด้วย คุณสามารถเป็นนักธุรกิจ ที่ประสบความสำเร็จด้วยการเริ่มต้นธุรกิจประเภทออนไลน์เหล่านี้ ด้วยการลงทุนเพียงเล็กน้อยหรือไม่ต้องลงทุนเลยก็ได้ เพียงการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต คอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือรวมทั้งทักษะที่จำเป็นบางอย่างตามสิ่งที่ต้องทำ โดยอาชีพที่น่าสนใจก็คือ

1. สร้างรายได้จากที่บ้านโดยการเป็นฟรีแลนซ์

เพียงคุณมีทักษะบางอย่างที่น่าสนใจก็สามารถหารายได้โดยนำเสนอบริการของตัวเองได้ที่ Fiverr.com, Upwork.com, Peopleperhour.com และ Freelancer.com เป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมสำหรับผู้ที่รับงานฟรีแลนซ์ซึ่งเป็นหนึ่งในงานออนไลน์ที่ดีที่สุดสำหรับนักศึกษา ผู้สำเร็จการศึกษาใหม่ แม่บ้านและคนที่เกษียณอายุ

2. สร้างช่อง YouTube

หากคุณต้องการทำงานนอกเวลาหรืองานออนไลน์จากที่บ้านการเริ่มต้นช่อง YouTube จะทำกำไรได้มาก เพราะ YouTube มีผู้เข้าชมรายเดือนมากถึงประมาณหนึ่งพันล้านคน เพียงสามารถสร้างวิดีโอที่ให้ข้อมูลและความบันเทิง คำแนะนำ วิดีโอที่เกี่ยวกับเคล็ดลับความงาม / แต่งหน้า เคล็ดลับการใช้ชีวิต เกมส์ ฯลฯ

3. ทำรายได้จากบล็อก / เว็บไซต์โดยใช้ Google AdSense และ Affiliate Marketing

ถ้าคุณมีบล็อก / เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาดีและที่สำคัญคือมีผู้เข้าชมจำนวนมาก หากคำตอบของคุณคือ “ใช่” คุณสามารถเริ่มสร้างรายได้จากบล็อกของคุณได้ นี่เป็นธุรกิจขนาดเล็กที่ทำกำไรได้ที่บ้านได้อย่างมหาศาลเช่นกัน วิธีที่ดีในการแปลงบล็อกของคุณเป็นแหล่งรายได้คือการสมัครเข้าโปรแกรม Google AdSense โดย AdSense จะอนุญาตให้คุณแสดงโฆษณาในบล็อกหรือเว็บไซต์ และกำหนดเป้าหมายไปที่เนื้อหาของเว็บไซต์ โดยจะสามารถสร้างรายได้หากผู้เข้าชมไซต์คลิกโฆษณาที่อยู่ด้านใน นอกจากนี้คุณยังสามารถลงทะเบียนโปรแกรมพันธมิตร จากการทำ Affiliate อย่าง Amazon Associates Affiliate ซึ่งค่อนข้างเป็นที่นิยมเนื่องจาก Amazon.com มีผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภท เพื่อให้คุณนำสินค้าไปโปรโมทเพื่อแลกกับค่าคอมมิชชั่น

4. กวดวิชาออนไลน์

หากคุณเก่งในด้านนักวิชาการและสามารถอธิบายหัวข้อที่ซับซ้อนอย่างแจ่มแจ้งหรือมีไหวพริบในการสอนคุณสามารถเป็นครูสอนพิเศษออนไลน์ได้ โดยการสร้างรายได้ด้วยการแบ่งปันความรู้ผ่านทางชั้นเรียนออนไลน์ โดยสามารถสอนและแนะนำนักเรียนทางวิดีโอคอล โดยคุณสามารถทำงานเป็นผู้ติวเตอร์ตาม วิชาที่คุณมีความเชี่ยวชาญ นอกจากนี้หากมีความชำนาญในการสร้างวิดีโอและ eBook ก็ยังสามารถสร้างหลักสูตรวิดีโอออนไลน์และหลักสูตร eBook ถ้าหากว่าคุณไม่ค่อยถนัดกับการสอยต่อหน้านักเรียนสดๆ นี่เป็นอาชีพที่ทำงานที่บ้านได้ 4 อย่างจากงานจำนวนมากที่เป็นไอเดียให้กับผู้ที่ต้องการรายได้เสริมหรือคนที่กำลังตกงานได้เป็นอย่างดี