เทคนิคการทำงานที่บ้านให้ไม่ง่วง

ทำงานที่บ้านให้ไม่ง่วงนอน

1.ทำตามตารางเวลา เข้านอนและตื่นนอนเวลาเดิมทุกวัน แม้ในวันหยุดสุดสัปดาห์ สิ่งนี้จะช่วยควบคุมวงจรการหลับ-ตื่นตามธรรมชาติของร่างกายคุณ

2.นอนหลับให้เพียงพอ ผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ต้องการการนอนหลับประมาณ 7-8 ชั่วโมงต่อคืน หากคุณนอนหลับไม่เพียงพอ คุณมีแนวโน้มที่จะรู้สึกง่วงระหว่างวัน

3.สร้างพื้นที่ทำงานเฉพาะ สิ่งนี้จะช่วยให้คุณมีสมาธิและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าพื้นที่ทำงานของคุณมีแสงสว่างเพียงพอและปราศจากสิ่งรบกวน

4.หยุดพักระหว่างวัน ลุกขึ้นและเคลื่อนไหวทุกๆ 20-30 นาทีเพื่อหลีกเลี่ยงการนั่งนิ่งเกินไป คุณยังสามารถเดินระยะสั้นหรือยืดเส้นยืดสายได้

5.ดื่มน้ำมากๆ ภาวะขาดน้ำอาจทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยล้าได้ ดังนั้นควรดื่มน้ำมากๆ ตลอดทั้งวัน

6.หลีกเลี่ยงคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ก่อนนอน คาเฟอีนและแอลกอฮอล์สามารถรบกวนการนอนหลับได้ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงในช่วงเวลาก่อนเข้านอน

ทานอาหารที่มีประโยชน์. การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพจะทำให้คุณมีพลังงานที่จำเป็นต่อการตื่นตัวตลอดวัน

7.รับแสงแดดบ้าง แสงแดดช่วยควบคุมวงจรการหลับ-ตื่นตามธรรมชาติของร่างกายคุณ หากทำได้ ให้รับแสงแดดในตอนเช้า

8.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ. การออกกำลังกายสามารถช่วยปรับปรุงคุณภาพการนอนของคุณได้ ตั้งเป้าออกกำลังกายระดับปานกลางอย่างน้อย 30 นาทีเกือบทุกวันในสัปดาห์

9.ไปพบแพทย์หากคุณยังคงมีปัญหาในการนอนหลับ อาจมีโรคประจำตัวที่ทำให้คุณง่วงนอน

ฉันหวังว่าเคล็ดลับเหล่านี้จะช่วยให้คุณตื่นตัวและทำงานที่บ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ

working from home

working from home

ข้อดีและข้อเสียของ work from home มีดังนี้

ข้อดี work from home

-คล่องตัวในการทำงานมากขึ้น การทำงานจากที่บ้านช่วยให้คุณกำหนดชั่วโมงการทำงานของคุณเองและทำงานได้จากทุกที่ในโลก ตราบใดที่คุณมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เชื่อถือได้ นี่อาจเป็นข้อดีอย่างยิ่งหากคุณมีตารางงานที่ยุ่งหรือต้องการทำงานจากสถานที่ต่างๆ

-ปรับปรุงโฟกัส การทำงานจากที่บ้านสามารถช่วยให้คุณมีสมาธิกับงานได้ดีขึ้น เพราะคุณไม่ได้อยู่ท่ามกลางสิ่งรบกวน เช่น เพื่อนร่วมงาน เสียงในที่ทำงาน หรือการจราจร สิ่งนี้สามารถนำไปสู่การเพิ่มผลผลิต 

-การเข้างานที่ดีขึ้นและตรงต่อเวลา การศึกษาพบว่าพนักงานที่ทำงานจากระยะไกลมีแนวโน้มที่จะเข้างานและตรงต่อเวลาได้ดีกว่าพนักงานที่ทำงานในสำนักงาน อาจเป็นเพราะพวกเขามีแรงจูงใจและประสิทธิผลมากขึ้นเมื่อทำงานจากที่บ้าน

ข้อเสีย working from home

-การแยกตัวออกจากสังคม หนึ่งในความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการทำงานจากที่บ้านคือความโดดเดี่ยวทางสังคม เมื่อคุณไม่มีโอกาสโต้ตอบกับเพื่อนร่วมงานแบบเห็นหน้ากัน การติดต่อกันและกระตุ้นอาจเป็นเรื่องยาก

-สิ่งรบกวน การทำงานจากที่บ้านอาจทำให้เสียสมาธิได้ เช่น เด็ก สัตว์เลี้ยง หรืองานบ้าน อาจเป็นเรื่องยากที่จะจดจ่อกับงานของคุณเมื่อมีสิ่งต่างๆ มากมายแย่งชิงความสนใจจากคุณ

-ขาดอุปกรณ์สำนักงาน หากคุณไม่มีพื้นที่ทำงานเฉพาะที่บ้าน คุณอาจไม่มีอุปกรณ์สำนักงานทั้งหมดที่จำเป็นต่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจรวมถึงสิ่งต่างๆ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ คอมพิวเตอร์ และเครื่องพิมพ์

-การสนับสนุนเทคโนโลยี หากคุณมีปัญหาทางเทคนิคใดๆ ในขณะทำงานจากที่บ้าน คุณอาจไม่ได้รับการสนับสนุนในระดับเดียวกับที่คุณได้รับหากคุณทำงานในสำนักงาน นี่อาจเป็นประสบการณ์ที่น่าหงุดหงิดและอาจนำไปสู่การสูญเสียประสิทธิภาพการทำงาน

โดยรวมแล้วการทำงานจากที่บ้านมีทั้งข้อดีและข้อเสีย สิ่งสำคัญคือต้องชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจว่าจะทำงานจากที่บ้านหรือไม่

เคล็ดลับในการทำงานจากที่บ้านให้ประสบความสำเร็จมีดังนี้

1.ตั้งค่าพื้นที่ทำงานเฉพาะ วิธีนี้จะช่วยให้คุณมีสมาธิกับงานและหลีกเลี่ยงการเสียสมาธิ

2.ตั้งเวลาปกติและยึดตามนั้น สิ่งนี้จะช่วยให้คุณติดตามและหลีกเลี่ยงความเหนื่อยหน่าย

3.หยุดพักระหว่างวัน ลุกขึ้นและเคลื่อนไหวทุก ๆ 20-30 นาทีเพื่อหลีกเลี่ยงการแข็งและอ่อนล้า

4.สื่อสารกับทีมของคุณอย่างสม่ำเสมอ สิ่งนี้จะช่วยให้คุณไม่พลาดการติดต่อและหลีกเลี่ยงความรู้สึกโดดเดี่ยว

5.ใช้ประโยชน์จากความยืดหยุ่นในการทำงานจากที่บ้าน หากคุณมีลูกที่ป่วย คุณสามารถดูแลพวกเขาได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องวันหยุดงาน

หากคุณกำลังคิดที่จะทำงานจากที่บ้าน ฉันขอแนะนำให้คุณทำการค้นคว้าและชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียอย่างรอบคอบ อาจเป็นวิธีที่ดีในการปรับปรุงความสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตการทำงานของคุณ แต่ก็ไม่เหมาะสำหรับทุกคน

บาลานซ์ชีวิตที่เหนือกว่าด้วยการทํางานที่บ้าน

บาลานซ์ชีวิตที่เหนือกว่าด้วยการทํางานที่บ้าน

อันที่จริงแล้ว รูปแบบการทำงานจากที่บ้านหรือ work from home นั้นมีมานานพอสมควรแล้ว แต่ก็ต้องถือว่าในช่วงที่เกิดการระบาดของไวรัสโควิดที่ผ่านมา ด้วยเหตุจำเป็นที่ต้องเว้นระยะห่าง ธุรกิจต่าง ๆ จึงต้องปรับเปลี่ยนมาให้พนักงานทำงานจากที่บ้านกันครั้งใหญ่เลยทีเดียว และถึงแม้ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานที่ค่อนข้างจะกะทันหัน แต่ก็ดูเหมือนว่า ในที่สุดแล้วทุก ๆ คนก็สามารถปรับตัวให้เข้ากับ work from home ได้ในที่สุด และที่มากไปกว่านั้นก็คือ ทั้งนายจ้างเอง รวมทั้งลูกจ้างพนักงาน ต่างก็ได้เล็งเห็นแล้วว่า การทำงานจากที่บ้านนั้น ก็สามารถสร้างผลลัพธ์งานที่มีประสิทธิภาพ ได้เช่นเดียวกับการนั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศสำนักงาน

ด้วยประโยชน์และข้อดีที่มากมายสำหรับทั้งนายจ้าง พนักงาน เศรษฐกิจ และรวมถึงโลกใบนี้ ดังนั้นเรามาดูกันว่า work from home จะช่วยให้คุณบาลานซ์ชีวิตของคุณได้สมดุลขึ้นได้อย่างไร

1. การทำงานที่บ้านช่วยลดความเครียด เพราะคุณสามารถนำเวลาที่ใช้ไปกับการเดินทางอันน่าเบื่อ โดยเฉพาะในช่วงเร่งรีบรถติดอย่างตอนเช้า ๆ เย็น ๆ มาใช้ออกกำลังกาย หรือจิบกาแฟร้อน ๆ ผ่อนคลายให้กับชีวิตส่วนตัวของคุณได้มากกว่า ลองนึกถึงว่า มันจะดีแค่ไหนที่คุณสามารถไปส่งเด็ก ๆ ที่โรงเรียนได้ด้วยตัวเอง แถมยังเหลือเวลามากพอที่จะมาเปิดวิดีโอออกกำลังกายตามครูฝึกอยู่ที่บ้าน ก่อนที่จะเริ่มทำงานตามเวลาเข้างานของสำนักงาน ชีวิตที่ง่ายกว่า รีบเร่งน้อยเช่นนี้ ช่างเป็นชีวิตที่เหมือนในฝันจริง ๆ ใช่ไหมล่ะ

2. การทำงานที่บ้านช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และประหยัดได้มากจริงๆ ทั้งในส่วนของนายจ้าง และพนักงาน ไม่ว่าจะเป็นค่าเดินทาง ค่าบำรุงรักษาเครื่องยนต์ รวมถึงค่าใช้จ่ายทางสังคมต่างๆ ที่พ่วงมาจากชีวิตการทำงานในสำนักงาน สำหรับนายจ้างนั้น แน่นอนว่าการพนักงานที่ทำงานที่บ้านนั้น ย่อมช่วยประหยัดรายจ่ายหลายส่วนลงไปได้อย่างเห็น ๆ ทั้งในเรื่องของสถานที่ และรายจ่ายทางด้านสาธารณูปโภค ซึ่งโดยปกตินายจ้างต้องแบกรับสำหรับการเปิดสำนักงานในทุก ๆ วัน 

เหนือสิ่งอื่นใด work from home สามารถช่วยคุณบาลานซ์ชีวิตของคุณได้มากกว่า คุณจะสามารถมุ่งมั่นต่อการทำงาน ไปพร้อมๆ กับที่คุณจะได้มีเวลาสำหรับใส่ใจต่อสุขภาพ และดูแลครอบครัวของคุณได้มากกว่า ภายใต้การใช้ชีวิตเรียบง่ายที่ไม่รีบเร่งนั้น ช่วยลดความเครียดและทำให้คุณมีจิตใจที่ผ่อนคลายมากกว่า ซึ่งจะส่งผลดีกับการทำงานด้วย เพราะจากรายงานวิจัยกล่าวว่า พนักงานที่มีระดับความเครียดน้อยกว่านั้น จะทำงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่า นอกเหนือจากนั้น การเดินทางที่ลดลงยังช่วยลดอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โลกของเราก็จะน่าอยู่มากขึ้นไปด้วย ถูกใจสายกรีนแน่ ๆ  เห็นอย่างนี้แล้วก็มาร่วมกันเลือกทำงานที่บ้านกันเถอะ

ทำงานที่บ้าน มีข้อดีและข้อเสียอย่างไร พร้อมทริกเพิ่มประสิทธิภาพ



ทำงานที่บ้าน มีข้อดีและข้อเสียอย่างไร พร้อมทริกเพิ่มประสิทธิภาพ

เมื่อเกิดโรคระบาด Covid-19 ทำให้ทุกอย่างในชีวิตปรับเปลี่ยนไปและเพื่อเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด ในบางองค์กรหรือบริษัททั่วโลกก็ต่างใช้วิธีนี้ให้พนักงานทำงานที่บ้านหรือที่เรียกว่า “Work form Home” เพื่อให้องค์กรดำเนินต่อไป แน่นอนว่าส่งทั้งผลดีและผลเสียในวลาเดียวกัน ซึ่งในวันนี้คุณจะได้รู้ไปพร้อม ๆ กับเรา ดังนี้

ข้อดีของการ ทำงานที่บ้าน

1.อิสระที่ได้จากการ Work from Home เพราะคุณไม่จำเป็นต้องทำงานภายใต้บรรยากาศของเพื่อนร่วมงานและเจ้านาย สามารถจัดสรรเวลาได้เอง เพียงแต่ต้องมีงานส่งอย่างตรงเวลามากขึ้นกว่าการทำงานในออฟฟิศ

2.ไม่ตึงเครียด การได้ทำงานที่บ้านหรือพื้นที่ของตัวเองแน่นอนคุณได้ความสบายใจ เมื่อเกิดเครียด เบื่องานสามารถพักและอยู่กับตัวเองได้แบบที่ไม่ต้องมีใครมารบกวน อีกทั้งสามารถเดินไปพักสายตาได้ในระยะสั้น ๆ หากทำเช่นนี้จะได้ผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น

3.มีเวลามากขึ้น เพราะไม่ต้องตื่นแต่เช้าเร่งไปทำงานให้ทันเวลา ประหยัดเวลาในการเดินทาง ฉะนั้นหากมีงานเร่งด่วนสามารถลุกขึ้นมาทำได้ทันที

4.หมดห่วงเรื่องการแพร่กระจายของเชื้อโรค อย่างที่เรากล่าวไปข้างต้นว่าปัจจุบันมีการแพร่เชื้อโควิด-19 ทำให้กิจวัตรประจำวันต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไป แน่นอนทางออกที่ดีที่สุดขององค์กรคือไม่ให้พนักงานมาทำงานที่ออฟฟิศ อยู่ในพื้นที่ของตัวเองหรือบ้าน ซึ่งก็ยังคงต้องทำงานเหมือนเช่นเคย

5.คนทำงานมีความสุข สิ่งนี้สำคัญอย่างมากในการที่จะทำให้องค์กรได้งานที่มีประสิทธิภาพ เพราะเมื่อคนทำงานมีความสุขย่อมส่งผลดีต่องาน

6.ได้แสดงศักยภาพในการทำงานและความรับผิดชอบ ถือเป็นผลดีต่อพนักงานที่จะได้ทำให้องค์กรได้เห็นว่าพวกเขาสามารถทำได้งานได้แม้จะ Work from Home ก็ตาม

ข้อเสียของการ ทำงานที่บ้าน

1.ขาดวินัย ในคนทำงานบางกลุ่ม การได้ทำงานที่บ้านทำให้พวกเขาละเลยหน้าที่และคิดว่ายังมีเวลาเหลือเฟือ ซึ่งนั้นคือความขี้เกียจที่กำลังก่อตัวขึ้นนั้นเอง

2.ขาดสมาธิ ด้วยปัจจัยในเรื่องของพื้นที่ที่อาจมีคนอื่นอยู่ด้วย ซึ่งอาจมารบกวนเวลาการทำงานของคุณ

3.งานไม่เสร็จตามเป้า ด้วยความที่ว่าการทำงานที่บ้านนั้นไม่มีความกดดันหรือใครมาบังคับ บางคนจึงขาดความกระตือรือร้น

4.อุปกรณ์การทำงานไม่สะดวก ในการทำงานนั้นไม่เพียงทำผ่านคอมพิวเตอร์เท่านั้น บางครั้งจำเป็นต้องใช้เครื่องถ่ายเอกสาร ซึ่งอาจไม่สะดวกมากนัก

อยากมีงานทำประจำต้อง Work from Home แบบนี้

1.จัดสรรค์งานด้วยการทำตาราง หากกังวลในเรื่องของการแบ่งเวลางานกับเรื่องส่วนตัว การทำตารางเพื่อแบ่งเวลาให้ชัดเจนจะช่วยให้การดำเนินงานไม่ติดขัด แถมได้มีเวลาทำอย่างอื่นด้วย

2.สร้างบรรยากาศที่ดีเพื่อกระตุ้นการทำงาน ควรทำเป็นมุมประจำไว้สำหรับการทำงาน ไม่ควรย้ายไปไหนบ่อย ๆ เพราะอาจทำให้อุปกรณ์ทำงานหายหรือสร้างความยุ่งยากวุ่นวายเมื่อจะใช้งาน

3.เริ่มทำงานในเวลาเดิม เริ่มตั้งแต่การตื่นนอน อาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย แม้ว่าจะไม่ได้พบปะใคร แต่นั้นคือการสร้างแรงกระตุ้นการทำงาน

การทำงานที่บ้านใช่ว่าจะทำอะไรก็ได้อิสระ เมื่อคุณยังทำงานในองค์กรใดอยู่ ควรมีความรับผิดชอบทั้งต่อหน้าและลับหลัง แม้จะไม่มีใครเห็น แต่งานจะเป็นสิ่งที่สะท้อนตัวตนของคุณทั้งหมด

Work from Home – ทำงานที่บ้านอย่างไร ให้ได้ประสิทธิภาพ

Work from Home - ทำงานที่บ้านอย่างไร ให้ได้ประสิทธิภาพ

หลังจากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) เป็นเวลากว่า 2 ปี ส่งผลกระทบต่อชีวิต สังคม เศรษฐกิจในวงกว้าง คนทั่วทั้งโลกต่างต้องกักตัวในบ้านหรือที่พักอาศัยเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ จึงต้องปรับตัวมาทำงานที่บ้าน หรือ Work from Home (WFH) จนแม้ในเวลานี้ที่ความรุนแรงของโควิด-19 จะดูลดลงไปมากแล้ว แต่ในหลายองค์กรทั้งรัฐและเอกชนยังให้พนักงานทำงานที่บ้านในบางวันอยู่

การทำงานที่บ้าน หรือ Work from Home มีข้อดีทั้งต่อองค์กรนายจ้างเองที่สามารถลดต้นทุนค่าไฟ ค่าอินเทอร์เน็ต ค่าอุปกรณ์สำนักงาน ส่วนพนักงานลูกจ้างก็จะสามารถบริหารเวลาตัวเองให้มีมากขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปออฟฟิศ

แต่การทำงานที่บ้านก็มีข้อเสียอยู่เช่นกัน ในกรณีที่ว่าด้วยเรื่องประสิทธิภาพของตัวงาน ไม่มีหัวหน้าคอยดูแล ไม่มีเพื่อนร่วมงานให้ปรึกษาปัญหาต่าง ๆ ที่อาจจะมี รวมไปถึงการที่คนทำงานที่บ้านต้องมีวินัยเพิ่มมากขึ้น เพราะการอยู่บ้านก็มีสิ่งรบกวนใจได้ไม่น้อย 

วิธีการทำงานที่บ้าน ให้มีประสิทธิภาพ

เมื่อมีอิสระมากขึ้น ก็อย่าให้วินัยลดลง

เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของคนทำงานที่บ้าน เพราะเราต้องบริหารจัดการชีวิตด้วยตัวเอง ไม่มีการตอกบัตรเข้างาน ไม่มีเวลาเบรกที่แน่นอน ไม่มีผู้บังคับบัญชาคอยดูแล ไม่มีเวลาเริ่มงานหรือเลิกงานเป๊ะ ๆ เหมือนเวลาไปทำงานที่ออฟฟิศ สิ่งเหล่านี้อาจจะให้เราตื่นสายกว่าปกติ ขี้เกียจกว่าเดิม เผลอไปเล่นเกมหรือช้อปปิ้งออนไลน์บ่อยเกินไป

ดังนั้น ควรต้องพึงตระหนักเรื่องของวินัยให้มากและบังคับตัวเองให้ได้

อุปกรณ์พร้อม สัญญาณอินเทอร์เน็ตเสถียร แอปพลิเคชันครบ

ประสิทธิภาพการปฏิบัติงานมาจากคุณภาพของเครื่องมือที่ใช้ ดังนั้นหากจำเป็นต้องทำงานที่บ้าน เราก็ควรจะมีพร้อมซึ่งเครื่องใช้ไม้สอยต่าง ๆ ให้เหมือนหรือใกล้เคียงกันกับตอนทำงานที่สำนักงาน อาทิ คอมพิวเตอร์ที่มีคุณภาพ ซอฟต์แวร์ที่จำเป็น รวมถึงแอปพลิเคชันสำหรับการ Work from Home การประชุมออนไลน์ หรือไฟล์ข้อมูลที่จำเป็นต่องาน ที่สำคัญที่สุดก็คือ สัญญาณอินเทอร์เน็ตที่เพียงพอสำหรับการทำงาน

เหล่านี้เป็นต้นทุนของผู้ปฏิบัติงานที่จำเป็นต้องมี เพื่อรองรับการทำงานที่บ้านได้อย่างสะดวก ไม่ติดขัด

ถึงอยู่บ้าน ก็ไม่ได้แปลว่าว่างตลอด

สำหรับเจ้านาย หัวหน้านาย ผู้จัดการ ผู้บังคับบัญชา ที่ Work from Home ก็ต้องพึงระลึกไว้เหมือนกันว่า ลูกน้องของเราที่ทำงานที่บ้านก็มีเวลาเริ่มงานและเลิกงานเป็นปกติ บางทีอาจจะเผลอส่งไลน์ถามหรือทวงงานไปในเวลาที่ไม่เหมาะสม ถ้าส่งไปในลักษณะความประสงค์จะทิ้งข้อความไว้ก็แนะนำให้ส่งเป็นอีเมลดีกว่า เพราะนอกจากทำแบบนั้นจะไม่ได้งานที่ดีแล้ว ยังจะเป็นการทำให้ความสันพันธ์ระหว่างกันมีปัญหา

Work from Home เป็นวิถีชีวิตใหม่ปกติ (New Normal) จะมีมากขึ้นเป็นลำดับ เพราะเทคโนโลยีในยุคสมัยนี้ ในหลายสาขาวิชาชีพสามารถใช้จัดการงานต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องเดินทางเข้าสำนักงานอีกแล้ว หากเพียงแต่เราสามารถสร้างงานที่มีคุณภาพได้จากการทำงานที่บ้าน ประสิทธิภาพงานเท่าเดิม ต้นทุนนายจ้างลดลง ลูกจ้างมีอิสระมากขึ้น มีเวลามากขึ้น ไม่เครียดกับปัญหาการจราจร แบบได้ประโยชน์กันทุกฝ่ายเลยและเรายังจะมีเวลาหางานเสริมจากที่อื่นเอามาทำเพื่อสร้างรายได้เพื่อใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ อย่างเช่าการเขียนบทความ อาจจะเป็นบทความเกี่ยวกับเว็บบอลออนไลน์ ในรายละเอียดเนื้อหาอาจจะมี ผลบอลเมื่อคืน สถิการเจอกัน ฯลฯ 

ทำงานที่บ้านกับทำงานที่ออฟฟิศ แบบไหนได้งานมากกว่ากัน

ทำงานที่บ้านกับทำงานที่ออฟฟิศ แบบไหนได้งานมากกว่ากัน

การ Work from home ทำให้หลายคนติดใจการทำงานที่บ้าน แต่เมื่อต้องกลับมาทำงานประจำที่ออฟฟิศก็ทำให้ต้องมีการปรับตัวกันค่อนข้างมากเหมือนกัน ทำให้หัวหน้างานหลายคนเกิดความลังเลว่าการทำงานที่บ้านกับการทำงานที่ออฟฟิศ แบบไหนจะได้งานมากกว่ากัน ซึ่งทั้ง 2 แบบ ก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ดังนี้

การทำงานที่บ้าน (Work from home)

ข้อดี

1. พนักงานมีสมาธิในการทำงานและมีความตั้งใจในการทำงานมากขึ้น

2. การประสานงานหรือการติดต่อสื่อสารระหว่างพนักงานดีขึ้นในมุมของความไม่เป็นทางการ

3. การทำงานมีความยืดหยุ่นให้เหมาะกับ Lifestyle

4. พนักงานมีความสุขในการทำงานมากขึ้น

5. ลดอัตราการลางานและการลาออกจากงาน

ข้อเสีย

1. เป็นการสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายส่วนตัว เช่น ค่าไฟ ค่าอินเทอร์เน็ต

2. บางครั้งมีปัญหาเรื่องการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตขณะมีการประชุม

3. หากมีปัจจัยรบกวนที่บ้านอาจทำให้การทำงานไม่ราบรื่น

การทำงานที่ออฟฟิศ (Work at office)

ข้อดี

1. สภาพแวดล้อมในออฟฟิศกระตุ้นให้เราอยากทำงาน

2. มีทรัพยากรขององค์กรที่ช่วยสนับสนุนการทำงานอย่างครบถ้วน เช่น คอมพิวเตอร์ เครื่องพิมพ์ อุปกรณ์สำนักงานต่าง ๆ

3. สามารถประสานงาน และติดต่อกันได้แบบ Face to face ที่บางครั้งทำให้สื่อสารได้เข้าใจง่ายกว่าการติดต่อทางออนไลน์

4. สามารถจัดการประชุม หรือจัด KM (Knowledge Management) ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าการจัดในรูปแบบออนไลน์

ข้อเสีย

1. ในองค์กรที่มีวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่ดีจะทำให้พนักงานไม่อยากทำงาน ส่งผลให้ผลงานออกมาไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร

2. พนักงานต้องเสียเวลาในการเดินทางไป – กลับ จากที่อาศัยไปที่ทำงาน

3. มีค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพิ่มขึ้น

4. การทำงานมักมีการกดดันมากกว่าทำให้พนักงานมีความเครียดได้ง่ายกว่า

5. การทำงานไม่ยืดหยุ่น ไม่สามารถปรับให้ตรงกับ Lifestyle ของตนเองได้เท่าที่ควร

หากถามว่าทำงานที่บ้านกับทำงานที่ออฟฟิศ แบบไหนได้งานมากกว่ากัน คงต้องขึ้นอยู่กับรูปแบบของการและการกำหนดดัชนีชี้วัดผลงานหรือความสำเร็จของงาน หรือ KPI (Key Performance Indicator) ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบผลการปฏิบัติงานกับมาตรฐานหรือเป้าหมายของงานตามที่ตกลงกันไว้ ในบางองค์กรไม่ว่าจะทำงานที่บ้านหรือทำงานที่ออฟฟิศก็อาจได้ผลลัพธ์ในการทำงานที่ไม่แตกต่างกัน เพราะมีการกำหนดตัวชี้วัดที่มีคุณภาพ ทำให้ไม่ว่าพนักงานจะทำงานที่ไหนก็ตาม ผลลัพธ์หรือเป้าหมายขององค์กรก็ยังจะต้องสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เช่นเดิม

จะเห็นได้ว่าทั้งการทำงานที่บ้านหรือที่ทำงานก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ซึ่งในมุมหัวหน้างานนั้นอาจต้องพิจารณารูปแบบของงานและลักษณะนิสัยของลูกน้องร่วมด้วย เพื่อให้ได้งานออกมาที่มี Output และ Outcome ที่มีประสิทธิภาพ สามารถพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จได้

อาชีพเสริมน่าทำ สำหรับพนักงานออฟฟิศ 2565

ล่ามออนไลน์

พนักงานออฟฟิศเป็นอาชีพที่มีความมั่นคงค่อนข้างสูง แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ทั่วโลกได้รับผลกระทบจากไวรัส covid ระบาด ก็ทำให้หลายบริษัทต้องปิดตัวลงหรือปรับลดเงินเดือนพนักงาน หลายคนจึงเริ่มมองหาอาชีพเสริมเพื่อเพิ่มเงินเก็บและอาจเป็นอาชีพสำรองในอนาคตได้ด้วย แม้จะไม่ใช่งานทำที่บ้านทั้งหมด แต่นี่เป็น 4 ตัวเลือกสำหรับคนที่อย่างสร้างรายได้นอกเวลางานหลักในยุค WFH

รับจ้างเขียนบทความ

การเขียนบทความเพื่อขายสำหรับเว็บไซต์ต่าง ๆ เป็นช่องทางที่ดีสำหรับคนที่ชอบการขีดเขียน ช่วยสร้างรายได้เสริมได้เดือนละหลายพันบาท เพียงใช้เวลาหลังเลิกงานในการหาข้อมูลและพิมพ์ส่งในระบบออนไลน์ มีหลายเว็บไซต์ที่ต้องการคนมีประสบการณ์ในการวิเคราะห์เรียบเรียงและค้นคว้าข้อมูลต่าง ๆ เพื่อนำไปเขียนบทความที่มีคุณภาพสูงในหลาย ๆ ศาสตร์วิชาความรู้ โดยให้ค่าตอบแทนเป็นรายชิ้นหรือรายเดือนตามที่ตกลงกัน

เป็นล่าม

หลายคนที่ทำงานในบริษัทต่างชาติ จะมีความสามารถพิเศษกว่าคนอื่นในการฟังพูดอ่านเขียนภาษาที่สาม เช่น จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส เยอรมัน ฯลฯ ภาษาเหล่านี้เป็นประโยชน์ในการสร้างรายได้เพิ่ม หากไปสมัครรับงานเป็นล่ามในงานอีเวนต์ต่าง ๆ ช่วงวันเสาร์อาทิตย์ที่ไม่ตรงกับเวลาการทำงาน ทั้งนี้ในปี 2565 มีบริษัทจำนวนมากต้องใช้ล่ามเพื่อแปลระหว่างประชุมออนไลน์ทาง ZOOM ดังนั้น การมองหางานเสริมเป็นล่ามภาษาแบบเฉพาะกิจเป็นครั้งคราว ก็เป็นงานที่น่าสนใจไม่น้อย

ทำอาหาร-ขนมขาย

การทำอาหารคาวหวาน ทั้งแนวขนมไทยและเบเกอรี่กำลังได้รับความนิยมจากคนทำงานออฟฟิศที่อยู่ในช่วง work from home เพราะสามารถหาซื้ออุปกรณ์จากห้างสรรพสินค้าทั่วไปได้ ตั้งแต่เครื่องอบ ปิ้ง ย่าง เตา หม้อ ฯลฯ รวมถึงวัตถุดิบ เช่น แป้ง ไข่ น้ำตาล กะทิ น้ำพริกเผา หมูหย็อง ฯลฯ เพียงเปิดคลิป youtube และหัดทำตามก็สามารถพัฒนาเป็นสูตรเฉพาะตัวและรับออเดอร์ส่งขายเพื่อที่ทำงานในบริษัทเดียวกันหรือขายในกลุ่ม Line ต่าง ๆ ได้แล้ว

เป็นยูทูบเบอร์

มีคำกล่าวว่าการเป็นยูทูบเบอร์ที่ดีควรเริ่มจากสิ่งที่ตัวเองถนัดและสนใจเป็นพิเศษ ถ้าคุณเป็นพนักงานออฟฟิศที่อยู่ในสายการบัญชีหรือธนาคาร คุณก็สามารถที่จะนำความรู้ในเรื่องของการคำนวณต้นทุนกำไร การทำบัญชีรายรับรายจ่ายแบบง่าย หรือแบ่งปันความรู้ทางการเงินการลงทุนให้ผู้คนได้เข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องและใช้ได้จริง ในเวลาไม่นานก็จะมีรายได้จากสปอนเซอร์และจำนวนยอดวิวทาง youtube เดือนละหลายหมื่นได้

อาชีพเสริมสำหรับพนักงานออฟฟิศนั้นมีอยู่มากมาย การมองหาเวลาว่างสร้างรายได้แทนการมานั่งลุ้น ผลบอล7m ให้เสียเวลาปล่าวย่อมดีกว่ากันเยอะ เพียงเลือกสิ่งที่ชอบและแบ่งเวลาให้เหมาะสม ใช้เวลานอกเหนือจากเวลางานจะไม่ถูกตำหนิจากเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานอย่างแน่นอน หากทำสม่ำเสมอ เราเชื่อว่าคุณจะมีรายได้เสริมมากขึ้นที่เพิ่มความมั่นคงทางการเงินให้กับตัวเองได้

เว็บหางานคนรุ่นใหม่ อยากได้งานต้องฝากเรซูเม่

เว็บหางานคนรุ่นใหม่

ในอดีตหากใครต้องการหางานทำ ต้องเข้าไปดูการประกาศรับสมัครงานในแต่ละเว็บไซต์ ทำให้เสียเวลามาก และอาจได้ทำงานที่ไม่ตรงกับประกาศ เนื่องจากไม่มีกระบวนการคัดกรองบริษัทให้ แต่ในปัจจุบัน คนรุ่นใหม่มีช่องทางการหางานมากขึ้น มีเว็บไซต์จำนวนมากที่เปิดตัวเพื่อเป็นคนกลางประสานระหว่างบริษัทที่ต้องการจ้างคนและผู้ที่กำลังมองหางาน ซึ่งมีการคัดกรองคุณภาพและมีระบบลงทะเบียนตรวจสอบที่มีมาตรฐานสูงขึ้น เราจึงนำเว็บไซต์ที่น่าสนใจมาฝากคนรุ่นใหม่ที่กำลังมองหางาน ช่วงนี้เห็นกระแสเว็บเดิมพัน hero88 กำลังมาแรงต่อเนื่อง อย่าเล่นเพลินจนลืมทำงานกันเสียล่ะ

hotel job เป็นเว็บไซต์ที่เจ้าของโรงแรมขนาดต่าง ๆ และเรือสำราญรู้จักกันดี เพราะเป็นที่ประกาศรับสมัครพนักงานตำแหน่งต่าง ๆ ที่ตรงกับความสนใจของคนรักงานบริการในโรงแรม ซึ่งบางงานอาจต้องการคนมีประสบการณ์และมีความสามารถด้านภาษาต่างประเทศด้วย ที่สำคัญ ระบบของ hotel job มีการคัดกรองคุณภาพของโรงแรมทั้งเกือบ 2,000 สถานที่ จนมีคนสนใจมาก เข้าชมเดือนละมากกว่าล้านครั้ง

workventure.com เป็นแหล่งหางานสำหรับคนที่รักความแปลกใหม่ ไม่ชอบการทำงานซ้ำซากในระบบเดิม ๆ ต้องการเรียนรู้และร่วมเติบโตไปกับธุรกิจ Start Up แบบไม่ซ้ำใคร workventure.com รวมงานที่เหมาะกับคนที่มีบุคลิกภาพคล่องแคล่ว และควรจะมีทักษะด้านภาษา ใช้เทคโนโลยีได้ และมีมนุษยสัมพันธ์ดีเข้ากับคนง่าย หากคุณมีคุณสมบัติดังที่กล่าว แนะนำเข้าเว็บไซต์นี้ บริษัทชั้นนำทั้งในและต่างประเทศกำลังรอร่วมงานอยู่

jobthai ป็นเว็บไซต์ที่เปิดมายาวนานเกือบ 20 ปี มีการประกาศรับตำแหน่งงานทั่วประเทศไทย เด็กจบใหม่และผู้มีประสบการณ์ในสายงานต่าง ๆ สามารถฝากประวัติเอาไว้ได้ เพื่อรอการติดต่อกลับ โดยไม่มีการคิดค่าใช้จ่ายบริการใด ๆ โดยระบบมีการเก็บประวัติเป็นความลับอย่างดี จึงทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกปลอดภัย ขณะเดียวกัน ก็สามารถเลือกงานที่มีการประกาศ โดยมีการแยกหมวดหมู่ประเภทอย่างละเอียด จึงมีโอกาสหางานที่คุณต้องการทำได้ง่ายขึ้นด้วย

JobsDB.com เป็นเว็บไซต์ที่เหมาะกับคนที่ต้องการทำงานในพื้นที่แถบเอเชีย ไม่ว่าสิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฯลฯ ผู้ที่มีความสามารถด้านภาษา แต่ไม่ต้องการทำงานไกลบ้าน สามารถที่จะเริ่มต้นอาชีพใหม่หรือแม้แต่ทำงานแรกกับบริษัทชั้นนำและไว้ใจได้ ด้วยการคลิกเข้ามาหางานที่เว็บไซต์นี้เลย

ทำงานที่บ้าน ให้อะไรมากกว่าที่คุณคิด

ให้อะไรมากกว่าที่คุณคิด

เทรนด์การทำงานที่บ้านเป็นแนวทางการสร้างงานสร้างอาชีพยุคใหม่ที่เป็นความนิยมในกระแสตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งมีการศึกษาพบว่าการทำงานจากที่พักอาศัยของตัวเอง จะมีข้อดีที่แตกต่างจากการทำงานภายในออฟฟิศหลายประการ จะมีอะไรบ้าง เชิญอ่านที่นี่เลย

ทำงานที่บ้าน ให้อะไรมากกว่าที่คุณคิด

ไม่มีใครมาบังคับให้เข้าออกงานตามเวลา

การทำงานในออฟฟิศ จำเป็นที่พนักงานต้องสแกนนิ้วหรือเซ็นต์ชื่อยืนยันเวลาการเข้า และกลับ เพราะมีผลต่อการพิจารณาเลื่อนขั้นและการขึ้นเงินเดือน ซึ่งต่างจากการทำงานที่บ้านที่คุณสามารถบริหารจัดการเวลาของตัวเองได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใดก็สามารถทำงานส่งลูกค้าได้ทางออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง จึงทำให้รู้สึกถึงความเป็นอิสระในการจัดสรรตารางการทำงานแต่ละวันมากกว่าเดิม

สิ่งแวดล้อมที่เงียบสงบสร้างงานได้ดีกว่า

การทำงานในห้องนอนหรือจากร้านกาแฟสุดโปรด เป็นโอกาสในการทำงานที่ไม่มีใครไปรบกวนสมาธิของคุณ จึงทำให้ผลิตผลงานได้มากและเปี่ยมด้วยคุณภาพยิ่งกว่าการทำงานในออฟฟิศที่จะมีคนมาชวนคุยหรือสอบถามเรื่องต่าง ๆ เป็นระยะ คุณยังสามารถมีแรงบันดาลใจใหม่ ๆ และสร้างสรรค์ได้ดีกว่าเดิมในสภาพแวดล้อมที่เป็นส่วนตัวแบบนี้ด้วย

การทำงานที่หลากหลายได้ในหนึ่งวัน

ข้อนี้เป็นประเด็นที่โดดเด่นอีกจุดหนึ่ง เนื่องจากหากคุณมีแผนต้องไปธุระในวันจันทร์ถึงศุกร์ ก็จะต้องลางานอย่างน้อยครึ่งวัน ทั้งยังต้องเผื่อเวลาสำหรับการจราจรที่ติดขัดเสียอีกหลายชั่วโมง

แต่เมื่อคุณทำงานที่บ้านจะไม่มีข้อจำกัดในส่วนนี้ ยิ่งถ้าคุณทำงานส่งลูกค้าแบบออนไลน์ก็จะสามารถพก ipad tablet หรือ notebook ติดตัวเพื่อประสานงานกับลูกค้าได้ทุกเมื่อด้วย เรียกได้ว่าในแต่ละวันของคุณจะมีคุณค่าและเห็นประสิทธิผลของการจัดสรรเวลาที่ดีขึ้นมาก

ไม่ต้องเปลืองค่าน้ำมันและเสียเวลาบนท้องถนนอีกต่อไป

การทำงานในออฟฟิศ คุณต้องตั้งนาฬิกาปลุกตัวเองตั้งแต่ตีห้าเพื่อเตรียมพร้อมออกมาทำงาน เพื่อเลี่ยงการจราจรที่ติดขัดหลายชั่วโมง ขณะเดียวกันก็เป็นการเผาผลาญน้ำมันเชื้อเพลิงไปเป็นจำนวนมากด้วย

ส่วนการทำงานที่บ้าน คุณจะขับรถออกไปไหนมาไหนเมื่อมีความต้องการจะไปเท่านั้น แบบนี้จึงเป็นเสน่ห์ของที่ดึงดูดใจคนจำนวนมากในยุคปัจจุบัน

ทำงานที่บ้าน ให้อะไรมากกว่า

นอกจากข้อดีที่กล่าวมาแล้ว การทำงานที่บ้านจะทำให้คุณมีสุขภาพดีขึ้น เพราะมีเวลา ออกกำลังกายมากขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาไปกับรถติดและการทำงานโอทีจนมืดค่ำ (ซึ่งฟิตเนสปิดแล้ว) สำหรับคนที่สนใจอยากลองทำงานที่บ้าน แนะนำว่าในระยะแรกลองทำเป็นอาชีพเสริมดูก่อน หากรู้สึกว่าใช่และตอบโจทย์ชีวิตก็ค่อยปรับมาทำงานที่บ้านแบบเต็มตัวก็ยังไม่สาย