Work from Home – ทำงานที่บ้านอย่างไร ให้ได้ประสิทธิภาพ

Work from Home - ทำงานที่บ้านอย่างไร ให้ได้ประสิทธิภาพ

หลังจากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) เป็นเวลากว่า 2 ปี ส่งผลกระทบต่อชีวิต สังคม เศรษฐกิจในวงกว้าง คนทั่วทั้งโลกต่างต้องกักตัวในบ้านหรือที่พักอาศัยเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ จึงต้องปรับตัวมาทำงานที่บ้าน หรือ Work from Home (WFH) จนแม้ในเวลานี้ที่ความรุนแรงของโควิด-19 จะดูลดลงไปมากแล้ว แต่ในหลายองค์กรทั้งรัฐและเอกชนยังให้พนักงานทำงานที่บ้านในบางวันอยู่

การทำงานที่บ้าน หรือ Work from Home มีข้อดีทั้งต่อองค์กรนายจ้างเองที่สามารถลดต้นทุนค่าไฟ ค่าอินเทอร์เน็ต ค่าอุปกรณ์สำนักงาน ส่วนพนักงานลูกจ้างก็จะสามารถบริหารเวลาตัวเองให้มีมากขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปออฟฟิศ

แต่การทำงานที่บ้านก็มีข้อเสียอยู่เช่นกัน ในกรณีที่ว่าด้วยเรื่องประสิทธิภาพของตัวงาน ไม่มีหัวหน้าคอยดูแล ไม่มีเพื่อนร่วมงานให้ปรึกษาปัญหาต่าง ๆ ที่อาจจะมี รวมไปถึงการที่คนทำงานที่บ้านต้องมีวินัยเพิ่มมากขึ้น เพราะการอยู่บ้านก็มีสิ่งรบกวนใจได้ไม่น้อย 

วิธีการทำงานที่บ้าน ให้มีประสิทธิภาพ

เมื่อมีอิสระมากขึ้น ก็อย่าให้วินัยลดลง

เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของคนทำงานที่บ้าน เพราะเราต้องบริหารจัดการชีวิตด้วยตัวเอง ไม่มีการตอกบัตรเข้างาน ไม่มีเวลาเบรกที่แน่นอน ไม่มีผู้บังคับบัญชาคอยดูแล ไม่มีเวลาเริ่มงานหรือเลิกงานเป๊ะ ๆ เหมือนเวลาไปทำงานที่ออฟฟิศ สิ่งเหล่านี้อาจจะให้เราตื่นสายกว่าปกติ ขี้เกียจกว่าเดิม เผลอไปเล่นเกมหรือช้อปปิ้งออนไลน์บ่อยเกินไป

ดังนั้น ควรต้องพึงตระหนักเรื่องของวินัยให้มากและบังคับตัวเองให้ได้

อุปกรณ์พร้อม สัญญาณอินเทอร์เน็ตเสถียร แอปพลิเคชันครบ

ประสิทธิภาพการปฏิบัติงานมาจากคุณภาพของเครื่องมือที่ใช้ ดังนั้นหากจำเป็นต้องทำงานที่บ้าน เราก็ควรจะมีพร้อมซึ่งเครื่องใช้ไม้สอยต่าง ๆ ให้เหมือนหรือใกล้เคียงกันกับตอนทำงานที่สำนักงาน อาทิ คอมพิวเตอร์ที่มีคุณภาพ ซอฟต์แวร์ที่จำเป็น รวมถึงแอปพลิเคชันสำหรับการ Work from Home การประชุมออนไลน์ หรือไฟล์ข้อมูลที่จำเป็นต่องาน ที่สำคัญที่สุดก็คือ สัญญาณอินเทอร์เน็ตที่เพียงพอสำหรับการทำงาน

เหล่านี้เป็นต้นทุนของผู้ปฏิบัติงานที่จำเป็นต้องมี เพื่อรองรับการทำงานที่บ้านได้อย่างสะดวก ไม่ติดขัด

ถึงอยู่บ้าน ก็ไม่ได้แปลว่าว่างตลอด

สำหรับเจ้านาย หัวหน้านาย ผู้จัดการ ผู้บังคับบัญชา ที่ Work from Home ก็ต้องพึงระลึกไว้เหมือนกันว่า ลูกน้องของเราที่ทำงานที่บ้านก็มีเวลาเริ่มงานและเลิกงานเป็นปกติ บางทีอาจจะเผลอส่งไลน์ถามหรือทวงงานไปในเวลาที่ไม่เหมาะสม ถ้าส่งไปในลักษณะความประสงค์จะทิ้งข้อความไว้ก็แนะนำให้ส่งเป็นอีเมลดีกว่า เพราะนอกจากทำแบบนั้นจะไม่ได้งานที่ดีแล้ว ยังจะเป็นการทำให้ความสันพันธ์ระหว่างกันมีปัญหา

Work from Home เป็นวิถีชีวิตใหม่ปกติ (New Normal) จะมีมากขึ้นเป็นลำดับ เพราะเทคโนโลยีในยุคสมัยนี้ ในหลายสาขาวิชาชีพสามารถใช้จัดการงานต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องเดินทางเข้าสำนักงานอีกแล้ว หากเพียงแต่เราสามารถสร้างงานที่มีคุณภาพได้จากการทำงานที่บ้าน ประสิทธิภาพงานเท่าเดิม ต้นทุนนายจ้างลดลง ลูกจ้างมีอิสระมากขึ้น มีเวลามากขึ้น ไม่เครียดกับปัญหาการจราจร แบบได้ประโยชน์กันทุกฝ่ายเลยและเรายังจะมีเวลาหางานเสริมจากที่อื่นเอามาทำเพื่อสร้างรายได้เพื่อใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ อย่างเช่าการเขียนบทความ อาจจะเป็นบทความเกี่ยวกับเว็บบอลออนไลน์ ในรายละเอียดเนื้อหาอาจจะมี ผลบอลเมื่อคืน สถิการเจอกัน ฯลฯ 

3 วิธีทำงานที่บ้าน งานดี สุขภาพจิตแจ่มใส

3 วิธีทำงานที่บ้าน งานดี สุขภาพจิตแจ่มใส สุขภาพกายแข็งแรง

นโยบายทำงานที่บ้าน หรือเวิร์คฟอร์มโฮม (Work from home) เป็นระบบการทำงานแบบชีวิตวิถีใหม่ เกิดขึ้นในช่วงวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสCOVID-19 ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วทุกมุมโลก หลายบริษัทฯเชื่อว่านโยบายนี้จะช่วยลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดลงได้ ซึ่งจำเป็นต้องปรับตัวอย่างทันทีทั้งองค์กรและคนทำงาน ทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งเรามีแนวทางเตรียมพร้อมในการทำงานที่บ้านแบบเวิร์คฟอร์มโฮมมาแนะนำให้ลองนำไปประยุกต์ใช้ได้ตามความเหมาะสม ดังนี้

ปรับทัศนคติให้เป็นเชิงบวก

การคิดบวกหรือการมองโลกในแง่ดี จะทำให้เราได้รับโอกาสในการพัฒนาตนเอง แม้จะไม่สะดวกเหมือนการทำงานที่ออฟฟิศ แต่ข้อดีคือการได้มีเวลาอยู่บ้านกับครอบครัวมากขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาไปกับรถติดและการเดินทางไปทำงานครั้งละหลายชั่วโมง และยังมีเวลาว่างเล่นกับลูก ได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา มีเวลาทำภารกิจส่วนตัวมากขึ้น และได้มีเวลาใกล้ชิดผู้สูงอายุในครอบครัวอีกด้วย ที่สำคัญเราต้องกำหนดเป้าหมายการทำงานให้ชัดเจน โดยวางแผนว่าในแต่ละวันเรามีงานกี่ชิ้นและช่วงเวลาไหนต้องทำอะไร ช่วยให้งานสำเร็จตามแผนงาน และสร้างวินัยในการทำงานไปในตัวด้วย

เตรียมอุปกรณ์และระบบอินเทอร์เน็ตให้พร้อม

โดยเฉพาะการติดต่องานกับบุคคลภายนอกและการประชุมเป็นหลัก ซึ่งจำเป็นต้องใช้แพลตฟอร์มสำหรับการสื่อสารออนไลน์ (Online Communication Platform) เช่น Zoom และ Google Hangout เป็นต้น โดยมีการทดสอบความพร้อมของอุปกรณ์และเครือข่ายก่อนที่จะใช้งานจริง และควรทำความเข้าใจกับคนในครอบครัวว่า เราต้องทำงานที่บ้านเพื่อป้องกันปัญหาการรบกวนในระหว่างชั่วโมงการทำงานที่เร่งด่วน และสามารถวางแผนการทำกิจกรรมร่วมกันได้อย่างเหมาะสม

จัดโต๊ะทำงานให้กลายเป็นมุมทำงานอย่างมีสมาธิ

และช่วยให้มีประสิทธิภาพในการทำงานที่บ้าน โดยแยกออกจากพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจภายในบ้าน ตกแต่งมุมทำงานเพื่อให้บรรยากาศรื่นรมย์และสะดวกต่อการนั่งทำงานในชั่วโมงเร่งด่วน และเริ่มต้นเช้าวันใหม่ของการทำงานด้วยอาหารเช้าที่มีคุณภาพครบ 5 หมู่ เสริมด้วยเมนูน้ำมะนาวผสมน้ำอุ่นหรือน้ำผึ้ง ซึ่งวิตามินซีจะช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยหลังจากเสร็จภารกิจการทำงานในแต่ละวัน ควรหาเวลาอาบน้ำอุ่นหรือแช่เท้าลงในน้ำอุ่นประมาณ 20-30 นาที ก็จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ดี

นอกจากนี้คุณจำเป็นต้องดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำสะอาดในปริมาณเพียงพอวันละ 2-3 ลิตร และควรจัดตารางเวลาทำสมาธิก่อนนอน ประมาณ 15-20 นาที เพราะสิ่งเหล่านี้ก็ช่วยให้สมองผ่อนคลาย ลดความดันโลหิตและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรงพร้อมสำหรับการทำงานที่บ้านอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น