จัดสภาพแวดล้อมทำงานที่บ้านอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ

จัดสภาพแวดล้อมทำงานที่บ้านอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ

ทุกวันนี้มีหลายปัจจัยสนับสนุนการทำงานจากที่บ้านมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นงานประจำก็ทำงานส่งไปออฟฟิศได้รวดเร็วง่ายดาย หรือจะเป็นงานอิสระที่ตอบโจทย์ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำได้ลงตัว บริษัทไม่จ้างพนักงานประจำและรับพนักงานสัญญาจ้างและฟรีแลนซ์มากขึ้น เพียงมีคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตก็ที่ทำงานจากที่บ้านได้ตลอดเวลา แต่เพื่อให้ผลงานมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องมีมากกว่าอุปกรณ์ออฟฟิศทันสมัย ต้องจัดการสภาพแวดล้อมในที่ทำงานที่สะดวกสบายด้วย ทั้งมุมทำงานที่ไม่มีใครรบกวน โต๊ะทำงานและเก้าอี้ที่ปรับได้ แสงสว่างเพียงพอสำหรับการทำงาน และสิ่งอื่น ๆ ที่ต้องพิจารณามากมาย

ความสำคัญของสภาพแวดล้อมในการทำงานที่บ้าน

สภาพแวดล้อมการทำงานที่บ้านมีความสำคัญและส่งผลดีต่อผลงานอย่างแน่นอน ไม่ว่าใครก็อยากมีโฮมออฟฟิศทันสมัยที่ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แสงสว่างจะมาจากหลอดไฟหรือแสงธรรมชาติก็ต้องสว่างกำลังดี ไม่จ้าจนต้องหรี่ตาหรือแสงสลัวทำให้อ่านยากและปวดหัว ในส่วนของอุปกรณ์ทำงาน ควรเลือกโต๊ะที่เหมาะกับงานและดีต่อสุขภาพในระยะยาว เก้าอี้ปรับได้ตามหลักสรีรศาสตร์เพื่อให้การรองรับที่เหมาะสม ไม่ว่าจะใช้คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปหรือแล็ปท็อปควรปรับจอให้อยู่ในระดับสายตา ไม่ก้มศีรษะทำให้ปวดคอ ปวดหัว ปวดหลังเมื่อนั่งทำงานไปนาน ๆ นอกจากนั้นควรลงทุนกับเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชั่นที่ถ่ายสำเนาและสแกนเอกสารได้ มีกะทัดรัดไม่เปลืองพื้นที่ การจัดการพื้นที่ทำงานก็เป็นเรื่องสำคัญ ซื้อตู้หนังสือหรือชั้นวางของสำหรับเก็บเอกสาร ปากกา กระดาษ แฟ้ม นามบัตร และอุปกรณ์อื่น ๆ ทุกอย่างอยู่ถูกที่ถูกทางไม่เสียเวลาค้นหา

ห้องทำงานในฝันควรมีหน้าต่างที่เปิดออกสูดอากาศบริสุทธิ์ จะส่งผลกระทบเชิงบวกต่ออารมณ์ ช่วยลดความเครียดและดีต่อสุขภาพด้วย หากทำงานให้ห้องติดแอร์แนะนำให้ใช้เครื่องฟอกอากาศด้วย เพื่อลดปริมาณฝุ่นละออง เชื้อโรค และกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดจากการทำอาหารในบ้าน มั่นใจว่าไม่ได้หายใจเอาอากาศสกปรกและสารก่อภูมิแพ้เข้าไป

ความสำคัญของสภาพแวดล้อมในการทำงานที่บ้าน

สำนักงานในบ้านจะปรับแต่งให้เป็นส่วนตัวอย่างไรก็ได้ ทาสีผนัง รูปภาพและงานศิลปะ กลิ่นน้ำหอมปรับอากาศ การประดับต้นไม้ในสำนักงานส่งผลดีต่อสุขภาพ ลดความเจ็บป่วยโดยเฉพาะโรคปวดหัว ตาแห้ง ลดอาการไอ ลดความเครียด รวมทั้งกระตุ้นให้เกิดความกระตือรือร้น มีสมาธิ และส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ การนั่งทำงานนาน ๆ ส่งผลให้เกิดอาการออฟฟิศซินโดรม ร่างกายอ่อนล้า และเกิดโรคร้ายอย่างโรคอ้วน โรคเครียด เบาหวาน โรคหัวใจ ควรหลีกเลี่ยงการนั่งทำงานเป็นเวลานาน แนะนำว่าการหยุดพักทุกชั่วโมง แม้เพียง 10 นาทีก็จะดีต่อสุขภาพมากทีเดียว คุณอาจใช้แอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือตั้งเวลาเตือนให้หยุดพักออกไปเดินรอบ ๆ บ้าน มองวิวและต้นไม้สีเขียวมองออกไปในระยะไกลหรือจ้องมองต้นไม้สีเขียวให้ด้วยตาได้พักผ่อนจากแสงจ้าหน้าจอคอมพิวเตอร์ ลดอาการเกร็ง และช่วยให้น้ำหล่อเลี้ยงด้วยตามากขึ้น

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการทำงานที่บ้านให้ประโยชน์มากมาย สามารถสร้างสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน สำคัญว่าต้องวางแผนจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมเป็นกุญแจสำคัญเพื่อสุขภาพที่ดีด้วย

ทำงานที่บ้านรวยได้ไม่ต้องง้อการเดินทาง

ทำงานที่บ้านก็มีรายได้และเงินเหลือเก็บ 2019

ปัจจุบัน การทำงานที่บ้านเป็นที่นิยมมาก เนื่องจากสามารถทำให้บริหารเวลาและค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้การทำงานยุคใหม่จะใช้ระบบอินเตอร์เน็ตและมือถือในการช่วยให้ธุรกิจเดินหน้าได้ในต้นทุนต่ำลงด้วย

ในบทความนี้ เราจึงมีตัวอย่างของการทำงานที่บ้านที่สามารถสร้างรายได้โดยที่ไม่ต้องรอการเดินทางมาฝากกัน ดังนี้

1. การรับจ้างพิมพ์งานและวิเคราะห์งานวิจัย เป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้ เพราะคนส่วนใหญ่มีคอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ้คที่ใช้พิมพ์งานได้อยู่แล้ว แม้จะพิมพ์สัมผัสไม่เป็น แต่การเรียนรู้ก็ไม่ได้ยากเกินไป ทั้งยังมีโปรแกรมที่ช่วยในการพิมพ์ต่าง ๆ อีกมากมาย

ในส่วนของการวิเคราะห์งานวิจัยที่ต้องใช้โปรแกรมพิเศษ เช่น spss ก็เป็นสิ่งที่สามารถซื้อหนังสือมาอ่านได้ หากมีความชื่นชอบในเรื่องการวิเคราะห์ในเชิงสถิติ ยังสามารถเขียนเป็นบทความวิเคราะห์ได้อีกต่อหนึ่งด้วย

2. การประดิษฐ์งานแบบแฮนด์เมด งานฝีมือยังเป็นที่นิยม เพราะเป็นสิ่งที่มีชิ้นเดียวในโลก ไม่มีซ้ำกัน เช่น การทำพวงกุญแจ เสื้อ กระเป๋า ฯลฯ ซึ่งสามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องหากมีไอเดียที่ทันสมัย เช่น การนำวัสดุรีไซเคิล ชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ไม่ใช้แล้วมาตัดตกแต่งเป็นพวงกุญแจ

หลังทำเสร็จแล้วก็สามารถที่จะนำไปโพสต์ขายในอินเทอร์เน็ต เกิดรายได้เข้าสู่กระเป๋าได้อีกช่องทางหนึ่ง ในระยะแรกอาจจะต้องทำเป็นงานเสริมควบคู่กับงานประจำแต่หากติดตลาดหรือเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ ก็จะทำให้มียอดจำหน่ายที่เพิ่มสูงขึ้นจนอาจจะเป็นรายได้หลักแทนงานประจำที่เคยทำ แต่ทำแบบอยู่ที่บ้านก็ได้

ตัวอย่างของการทำงานที่บ้านที่สามารถสร้างรายได้

3. การเป็นนักรีวิว หลายคนจะชอบออกจากบ้านเมื่อไปท่องเที่ยวหรือว่ารับประทานอาหารที่อร่อย ก็สามารถที่จะเก็บภาพถ่ายและข้อมูลที่น่าสนใจ แล้วนำมารีวิวเป็นบทความที่น่าอ่าน เป็นการเดินทางออกจากบ้านในแบบที่คุณพอใจ ไม่ต้องตื่นเช้า ออกจากบ้านตั้งแต่ 6 โมง เพื่อเข้างาน 8.00-17.00 น. ตามเวลาออฟฟิศแบบคนอื่น

บทความรีวิวที่เขียนสามารถขายให้แก่บริษัทที่ทำการตลาด หรือเปิดบล็อกขึ้นมาใหม่ในฐานะ Blogger ก็ได้ ดังที่เราเห็นตัวอย่างมากมาย ซึ่งการเป็นนักรีวิวสามารถมีรายได้จากการโฆษณา หรือมีผู้จ้างให้ช่วยเขียนรีวิวสินค้าในแบรนด์ต่าง ๆ ได้อีกมาก

จะเห็นได้ว่า การทำงานที่บ้านในปัจจุบัน มีความเปิดกว้างโดยเฉพาะผู้ที่อยากจะนำสิ่งที่อยู่รอบตัวมาสร้างรายได้ สามารถที่จะเรียนรู้ระบบอินเทอร์เน็ตและเทคนิคการขายออนไลน์ เพื่อนำมาเป็นช่องทางในการขายสินค้าและบริการที่ตนเองพอใจได้ โดยไม่จำเป็นจะต้องเดินทางไปทำงานให้เสียเวลาและค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

ทำงานที่บ้านก็มีรายได้และเงินเหลือเก็บ 2019

ทำงานที่บ้านก็มีรายได้และเงินเหลือเก็บ 2019

ปัจจุบันการทำงานที่บ้านเป็นหนึ่งในช่องทางหารายได้ของคนรุ่นใหม่ ซึ่งอาจกลายเป็นรายได้หลักและเป็นแหล่งของเงินออมในระยะยาวได้ เนื่องจากมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เช่น คอมพิวเตอร์ ระบบอินเทอร์เน็ต ร่วมกับเทคโนโลยีสื่อสารที่มีความรวดเร็วมากกว่าในอดีต

ในบทความนี้ เราจึงได้รวบรวมงานที่สามารถทำได้จากที่บ้าน เพื่อให้ทุกท่านสามารถนำเป็นช่องทาง ในการหารายได้เพิ่ม ดังนี้

1. งานแฮนด์เมดแนวและตัดเย็บเสื้อผ้า ไม่ว่าจะเป็นงานแนวเย็บปักถักร้อย ตัดเย็บเสื้อผ้าสำหรับแม่และเด็ก ก็สามารถทำได้จากที่บ้านของคุณเอง เพียงแค่ลงทุนซื้อเครื่องจักรขนาดเล็กไว้ 1 เครื่อง ศึกษาการตัดเย็บเสื้อผ้าหรือแนวทางการทำงานประดิษฐ์ที่มีไอเดียเก๋ ๆ จากยูทูป หรือลงคอร์สเรียนเพิ่ม แล้วนำมาปรับใช้กับผลงานของคุณ ก็จะสามารถที่จะได้สินค้าแฮนด์เมดที่ขายได้ เป็นที่ถูกใจทั้งคนไทยและชาวต่างประเทศตลอดทั้งปี โดยสามารถที่จะสร้างช่องทางการขายได้ทั้งทาง Facebook และ Instagram

2. การทำอาหารกล่องขาย อุปกรณ์พื้นฐานใช้เพียงเตาปิกนิก หม้อและกระทะ สำหรับการทำอาหารแบบง่าย ๆ คุณก็สามารถมีรายได้เพิ่มได้แล้ว เนื่องจากปัจจุบันคนนิยมรับประทานอาหารคลีนหรืออาหารแนวสุขภาพมากยิ่งขึ้น การทำอาหารจึงไม่จำเป็นจะต้องเน้นความยุ่งยากหรือซับซ้อนในกระบวนการมาก เช่น สลัดผัก เปาะเปี๊ยะสด แซนด์วิช ฯลฯ โดยสามารถขายได้ทั้งผ่านทางกลุ่มใน Facebook หรือ สามารถที่จะเปิดเพจขายอาหารออนไลน์และใช้บริการแมสเซ็นเจอร์จัดส่งสินค้าก็ได้เช่นกัน เรียกได้ว่าคุณแทบไม่ต้องเดินทางไปไหนเลย เพียงแค่ทำอาหารจากในครัวที่บ้านเท่านั้น

3. การพิมพ์บทความขายทางอินเทอร์เน็ต เป็นช่องทางที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบค้นคว้าอ่านหนังสือและนำมาเขียนในแนวทางของตัวเอง หรือเขียนเรื่องที่ตนเองมีประสบการณ์โดยตรง เช่น การท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ การใช้สินค้าเพื่อบำรุงความงาม การไปชิมอาหารตามร้านต่าง ๆ ฯลฯ คล้ายกับที่เห็นในการรีวิวผลิตภัณฑ์ในคลิป YouTube เพียงไม่ต้องอัดคลิปวีดีโอให้เสียเวลา ใช้วิธีการเขียนพิมพ์ลงในไฟล์แล้วอัพโหลดขึ้นในระบบอินเทอร์เน็ตก็สามารถที่จะเป็น Blogger มีรายได้ตลอดปี หรือจะนำบทความไปขายให้กับบริษัทเอกชนต่าง ๆ เพื่อนำไปประกอบการทำเว็บไซต์ SEO เพื่อกระตุ้นยอดขายให้แก่เว็บไซต์ของบริษัทนั้น ๆ ก็ได้

รวบรวมงานที่สามารถทำได้จากที่บ้าน

ตัวอย่างที่กล่าวมา เป็นการทำงานที่บ้านที่กำลังได้รับความนิยมสูง ขอเพียงเลือกงานที่ชอบ มีความสม่ำเสมอในการทำ มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาต่อยอดงานให้ดีขึ้นไปเรื่อย ๆ ก็มั่นใจได้ว่าการทำงานที่บ้านจะทำให้คุณมีรายได้เพียงพอกับค่าใช้จ่าย และมีเงินเหลือเก็บไม่แตกต่างจากการทำงานในออฟฟิศ

ทำงานที่บ้านได้ง่าย ๆ ไม่เสียเงินลงทุน

ทำงานที่บ้านได้ง่าย ๆ ไม่เสียเงินลงทุน

เชื่อว่าเหล่ามนุษย์เงินเดือนหลายๆคน คงเบื่อเต็มทนกับชีวิตที่มีกรอบ ตื่นเช้า รีบแต่งตัว หากาแฟดื่มสักหน่อย แล้วรีบเข้าออฟฟิต ก้มหน้าก้มตาทำงาน รอเงินเดือนออก แถมพอเงินเดือนออกมาก็ไม่พอรายจ่ายอีก อยากจะหนีจากชีวิตมนุษย์เงินเดือนนี่เต็มทีแล้ว

ถ้าได้ลองหางานอื่นๆทำบ้าง งานที่ทำได้ที่บ้าน ทำงานที่ชอบ มีอิสระ มีความเป็นตัวเอง มีเวลามากขึ้นก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าในชีวิตก็เป็นไปได้

ลองมาดูดีกว่าว่าจะมีงานอะไรบ้างที่สามารถทำที่บ้านได้ ลองเริ่มจากงานง่ายๆที่มีความถนัด มีความสนใจดูก่อนก็ย่อมได้

1.งาน Hand Made

เป็นงานที่ค่อนข้างได้รับความนิยมมาก ใช้ความคิดสร้างสรรค์ผสมกับฝีมือที่มีอยู่แล้ว ทั้งยังได้ราคาดี เพราะเป็นงานที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อน เช่น สมุดทำมือ หรือทำเครื่องประดับ เป็นต้น แถมยังสามารถจำหน่ายได้หลากหลายช่องทางอีกด้วย

2.งานฝีมือ

เป็นงานง่ายๆไม่ยุ่งยาก ไม่ใช้เวลานาน และยังมีหลายรูปแบบให้เลือกสรรค์ เช่น พับถุงกระดาษ แพ็คยางรัดผม ประดิษฐ์ดอกไม้จันทร์ เป็นต้น แต่ละงานจะได้ราคาที่แตกต่างกันออกไปแล้วแต่ความยากง่ายของตัวงาน

3.งานพิมพ์เอกสาร

หากคุณมีคอมพิวเตอร์ เครื่องปริ้น และความสามารถในการใช้โปรแกรมต่างๆพิมพ์งานอยู่แล้ว คุณก็สามารถรับงานมาพิมพ์ที่บ้านได้เลย

4.งานเขียนบทความ

ถ้าคุณมีความสามารถในด้านการเขียน คุณสามารถเขียนบทความออนไลน์ต่างๆขายได้ โดยจะต้องเขียนให้สนุก น่าอ่าน น่าติดตาม เขียนตามความชอบ หากเราชอบด้านกีฬา จะรับงานเขียนทีเด็ดบอล ผลบอลสดภาษาไทย วิธีการเล่นกีฬาชนิดต่างๆ และราคาจะขึ้นอยู่กับความยาวของบทความและความสามารถของเราเองด้วย

5.งานแปลภาษา

งานนี้จำเป็นต้องใช้ความสามารถในภาษาที่3 ที่4 คุณจะต้องมีความชำนาญด้านภาษาอย่างมาก งานแปลหนังสือ หรือเอกสารต่างๆ เป็นงานที่ได้ค่าตอบแทนค่อนข้างสูงเลยล่ะ

6.งานทำ Content ให้ร้านค้า

เพียงแค่มีความรู้ทางการตลาดสักนิดผสมกับความเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคสักหน่อย คุณก็สามารถคิดคอนเทนต์ที่น่าสนใจ ดึงดูดลูกค้า อาชีพนี้ก็น่าสนใจทีเดียว

7.งานออกแบบกราฟฟิก

งานสไตล์ Artwork สำหรับคนที่มีความคิดสร้างสรรค์บวกกับความสามารถในการทำกราฟฟิก ถ้าคุณมีฝีมือดีพอ สร้างงานได้ถูกใจลูกค้า งานนี้ก็สามารถทำเงินให้ได้ดีเลยล่ะนะ

8.งานวาดสติ๊กเกอร์ไลน์

สำหรับแอพพลิเคชั่นติดต่อสื่อสารที่เป็นที่นิยมอย่าง Line แล้วนั้น การวาดสติ๊กเกอร์ไลน์ขายก็ยังทำเงินได้เรื่อยๆ จึงเป็นอาชีพที่น่าสนใจมากพอสมควร

9.งานรับดูแลเพจในสื่อโซเชี่ยล

ถ้าคุณชื่นชอบสังคมบนโลกโชเชี่ยล ทันทุกข่าวทุกกระแส งานดูแลเพจในโลกออนไลน์น่าจะทำให้คุณสนใจได้บ้าง แต่คุณจะต้องมีความรับผิดชอบและตรงต่อเวลาด้วยนะ

10.งานขายของออนไลน์

เรียกได้ว่าเป็นงานยอดฮิตอีกงานในปัจจุบันเลยทีเดียว เพียงแค่หาสินค้า ถ่ายรูปสวยๆ แล้วโพสต์ลงบนสื่อโซเชี่ยล แค่นี้ก็สามารถทำเงินให้คุณได้แล้วล่ะ

11.งานรับทำขนมในวันสำคัญ

ถ้ามีความสามารถในการทำขนมอยู่แล้วล่ะก็ งานนี้เหมาะมากทีเดียว เช่น เค้กวันต่างๆ ขนมในงานมงคล เป็นต้น อาจจะเรียกงานโดยการทำป้ายโฆษณาแปะหน้าบ้าน หรือจะประกาศลงบนสื่อโซเชี่ยล

12.รับงานโหลจากโรงงาน

การจะรับงานจากโรงงานมาทำที่บ้านนั้นสิ่งสำคัญคือคุณต้องมีความรับผิดชอบ ตรงต่อเวลา ต้องทำให้งานเสียหายน้อยที่สุดหรือไม่มีเลยยิ่งดี

การทำงานที่บ้านทำให้คุณมีอิสระมากขึ้นก็จริง แต่บางงานอาจจะไม่ได้รายได้เท่าที่คุณต้องการ
อย่างไรก็ตามก็ควรเลือกงานที่เหมาะสมกับตัวคุณเอง ทำแล้วมันใช่ ทำแล้วมีความสุข

อาจเริ่มจากการทำเป็นงานพิเศษในช่วงเวลาว่างก่อน แล้วค่อยขยับขยายไปเรื่อยๆ เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ

ทำงานที่บ้านได้ง่าย ๆ ไม่เสียเงิน

ทำงานที่บ้านอย่างไรให้มีประสิทธิภาพดี

ทำงานที่บ้านอย่างไรให้มีประสิทธิภาพดี

การทำงานที่บ้านเป็นความใฝ่ฝันของหลายคนที่อยากมีอิสระในการใช้เวลาและประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง แต่การทำงานโดยไม่มีหัวหน้าควบคุมก็อาจจะเป็นปัญหาสำหรับหลาย ๆ คนที่ไม่สามารถบริหารจัดการชีวิตได้อย่างเหมาะ ในวันนี้เราจึงได้รวบรวมเทคนิคการทำงานจากที่บ้านให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น มาฝากกัน ดังนี้

ทำตารางงานที่ชัดเจนในแต่ละวัน

หากเป็นการทำงานในออฟฟิศก็ต้องมีช่วงเวลาทำงานตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น ส่วนการทำงานที่บ้าน หากเราไม่มีการกำหนดตารางงานและการจัดสรรเวลาที่ดี ก็จะทำให้มีความขี้เกียจได้

ดังนั้น การมีตารางงานซึ่งมีรายละเอียดระบุไว้ว่าช่วงเวลากี่โมงต้องทำงานอะไรบ้าง จะช่วยให้สามารถทำงานได้จำนวนชิ้นมากขึ้นและไม่มีปัญหาการหลงลืมงานของลูกค้าด้วย

จัดลำดับการทำงานอย่างเหมาะสม

นอกจากต้องรู้ว่าในแต่ละวันมีงานอะไรต้องทำแล้ว สิ่งที่สำคัญอีกข้อคือต้องลำดับให้ถูกต้องด้วย เช่น งานด่วนและสำคัญ ต้องทำเป็นอันดับแรกของวัน งานยากควรทำก่อน เพราะต้องใช้พลังงานและใช้ความสามารถสูง

แยกแยะเวลาทำงานกับเวลาส่วนตัว

ปัญหาที่พบกับการทำงานที่บ้าน คือ การที่หลายคนไม่สามารถจะแยกเวลางานออกจากเวลาส่วนตัวได้ ทำให้มีเรื่องจุกจิกรบกวนสมาธิตลอดเวลา ทำให้งานมีความผิดพลาดบ่อย วิธีการแก้ไข คือ ต้องปิดเสียงเครื่องมือสื่อสาร ทำงานในห้องเงียบ ไม่มีสัตว์เลี้ยงรบกวน ฯลฯ จะทำให้งานสำเร็จได้ไว และมีการแก้ไขน้อยลง

ทำสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมกับการทำงาน

การทำงานที่บ้าน ควรเริ่มหลังจากการทำกิจวัตรประจำวันเรียบร้อย ทั้งการรับประทานอาหารเช้า อาบน้ำ ฯลฯ แล้วจึงเริ่มทำงานที่โต๊ะทำงานอย่างเป็นระเบียบ ไม่ควรทำงานบนเตียงนอน เพราะจะทำให้มีความขี้เกียจและทำให้ท่าทางในการทำงานไม่ถูกต้องตามหลักการแพทย์ อันทำให้เกิดอาการปวดคอและหลังเร็วกว่าปกติ

แนะนำว่าให้จัดโต๊ะทำงานในตำแหน่งที่มีแสงสว่างเพียงพอและมีอากาศถ่ายเทดี จะช่วยให้มีการทำงานมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น

มีช่วงเวลาผ่อนคลาย

การพักสมองและผ่อนคลายอิริยาบถเป็นสิ่งที่จำเป็นเพราะประสิทธิภาพงานจะลดลงตามความอ่อนเพลียได้ ทั้งนี้ควรแบ่งเวลาในแต่ละวันเพื่อการออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่ควรรับงานอย่างหักโหม เพราะหากมีความเจ็บป่วยเกิดขึ้นก็จะทำให้งานทุกอย่างหยุดชะงักลงไปด้วย

จะเห็นได้ว่าการทำงานที่บ้านจะต้องมีการบริหารจัดการและวางแผนชีวิตในแต่ละวันให้มีความเป็นระเบียบ และเลือกพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการทำงานเป็นสัดเป็นส่วนด้วย จึงจะทำให้ประสิทธิภาพของงานดียิ่งขึ้น

ทำงานที่บ้านอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ

ข้อดีของการทำงานที่บ้าน ที่ดึงดูดใจคนรุ่นใหม่

ข้อดีของการทำงานที่บ้าน ที่ดึงดูดใจคนรุ่นใหม่

การทำงานที่บ้านเป็นหนึ่งในไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ไปเสียแล้ว ดูจากสถิติการจ้างงานที่มีคนจำนวนมากสนใจที่จะรับงานประเภทนำมาทำเองที่บ้านมากกว่าการทำงานประจำภายในออฟฟิศอย่างแต่ก่อน เรามาดูกันว่าการทำงานที่บ้านมีข้อดีอย่างไร จึงจะดึงดูดใจคนรุ่นใหม่ได้

ไม่ต้องเสียเวลา และค่าน้ำมันเชื้อเพลิงไปกับการจราจรที่ติดขัด

จะเห็นได้ชัดเจนว่าคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะใน กทม. มีความนิยมรับงานมาทำที่บ้าน หรือเลือกบริหารงานที่ใดก็ได้ เช่น ในร้านกาแฟ และขณะไปท่องเที่ยว แล้วส่งงานทางออนไลน์ เรียกได้ว่าเป็นงานที่ไม่ต้องเสียเวลาไปกับช่วงเวลาการจราจรติดขัดทั้งเช้าและเย็น ซึ่งทำให้ต้องสูญเงินไปกับค่าน้ำมัน ค่าแก๊ส โดยไม่จำเป็น ทั้งยังมีเวลาในการไปคิดสร้างรายได้ในรูปแบบอื่น ๆ ได้อีกมากด้วย

ไม่มีกติกาการแต่งกาย ใช้ไลฟ์สไตล์ที่ชอบได้เต็มที่อย่างอิสระ

คนรุ่นใหม่มีความต้องการเป็นเอกลักษณ์มีความแตกต่างในการใช้ไลฟ์สไตล์ที่ตัวเองชื่นชอบได้ จะแสดงออกในการแต่งกาย การทำสีผม การสักลายตามที่ต่าง ๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะไม่สอดคล้องกับมาตรฐานในการรับเข้าทำงานขององค์กรส่วนใหญ่ โดยเฉพาะภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือแม้แต่บริษัทเอกชนที่ต้องการสร้างภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือให้แก่แบรนด์

การทำงานที่บ้าน สำหรับงานที่เน้นเรื่องฝีมือ ความสามารถ รวมถึงความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่เหมือนใครจึงเป็นโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้แสดงออก ถึงความเป็นตัวตนที่ทำให้ความคิดโลดแล่นได้ดีขึ้น และสามารถทำงานอย่างมีความสุขทุกวัน

ข้อดีการทำงานที่บ้าน ที่ดึงดูดใจคนรุ่นใหม่

บริหารจัดการเวลาเองได้ทั้งกลางวันและกลางคืน

การทำงานของคนรุ่นใหม่จะมีการกินนอนไม่เป็นเวลา ขึ้นกับลักษณะงานและการใช้วิถีประจำวัน โดยเฉพาะงานแนวศิลป์ที่ต้องใช้อารมณ์ในการคิดและมีจินตนาการเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างผลงานใด ๆ หากจะให้คิดและทำชิ้นงานตามเวลา 8 โมงเช้าจนถึง 5 โมงเย็น เป็นเรื่องที่ไม่สัมพันธ์กันกับธรรมชาติของกลุ่มงาน creative จึงไม่น่าแปลกใจที่คนรุ่นใหม่เลือกที่จะทำงานที่บ้านที่ให้ความเป็นอิสระในการคิด และวางแผนจัดสรรเวลาของตัวเองให้ดีที่สุด โดยไม่รู้สึกว่าต้องอยู่บนบรรทัดฐานขององค์กรใด

คงจะเห็นแล้ว ว่าการทำงานที่บ้านจึงมีข้อดีที่ตอบโจทย์แนวคิดและไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่มากเพียงใด จึงเป็นคำตอบที่ว่าทำไมการรับเข้าทำงาน หากเป็นงานที่ทำออนไลน์ หรือรับงานมาทำที่บ้านได้จะได้รับความนิยมมีผู้สมัครล้นหลาม ต่างจากการเปิดรับพนักงานที่ต้องเข้าออฟฟิศเป็นประจำวันจันทร์ถึงศุกร์ซึ่งเป็นลักษณะแนวงานแบบเดิม

เลือกเลย ทำงานที่บ้านสร้างรายได้สไตล์ไหนที่คุณชอบ ปี 2018

เลือกเลย ทำงานที่บ้านสร้างรายได้สไตล์ไหนที่คุณชอบ ปี 2018

เลือกเลย ทำงานที่บ้านสร้างรายได้สไตล์ไหนที่คุณชอบ ปี 2018

การทำงานที่บ้านเป็นเทรนด์การสร้างรายได้ที่ยอดนิยมและเป็นที่ใฝ่ฝันของคนรุ่นใหม่อย่างมาก ซึ่งในปี 2018 มีงานอะไรที่สามารถทำที่บ้านแล้วยังสร้างรายได้ที่สูงด้วย เรามาดูพร้อมกันเลย

สไตล์งานขาย-ชอบคุย-ชอบแนะนำ

สไตล์งานขาย ชอบคุย ชอบแนะนำ

คนที่รู้ตัวว่าคุยเก่งและชอบโปรโมชั่นโมตสินค้าและบริการยิ้มได้เลย เพราะคุณเป็นหนึ่งในสไตล์ที่มีบริษัทจำนวนมากตามตัวอยู่ ซึ่งสามารถรับบรีฟงานจากบริษัทแล้วก็กลับมาวางแผนและทำการขายจากที่บ้านในรูปแบบที่คุณถนัดได้เลย

แต่หากอยากมีความเป็นอิสระยิ่งกว่า ต้องเลือกเป็นบล็อกเกอร์และนักรีวิวสินค้าที่คุณจะมีสปอนเซอร์สร้างรายได้ให้คุณต่อเดือนหลักแสนหลักล้าน หากคุณมีทักษะการนำเสนอ และมีการเล่าเป็นเรื่องราว story ที่น่าสนใจก็ไม่ต้องกังวลเรื่องรายได้แน่นอน

สไตล์นักคีย์-พิมพ์สัมผัสได้ฉับไว

สไตล์นักคีย์ พิมพ์สัมผัสได้ฉับไว

สำหรับคนที่พิมพ์ดีดแบบสัมผัสคล่องแคล่วทั้งภาษาไทยและอังกฤษ โดยที่รักความเป็นส่วนตัว ไม่ชอบสุงสิงกับใคร งานสไตล์รับคีย์ข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์ทางการตลาดกำลังเป็นที่ต้องการอย่างมาก เพราะมีบริษัทจำนวนมากคอยผลการวิเคราะห์จากข้อมูลแบบ BIG DATA เพื่อไปต่อยอดทางธุรกิจ หากถนัดด้านนี้ก็ลุยเลย เชื่อว่าจะมีงานล้นจนเรียกว่าคีย์กันไม่ทันเลยทีเดียว

สไตล์เด็กเนิร์ด อยู่กับคอมพิวเตอร์ได้ทั้งวัน

สไตล์เด็กเนิร์ด อยู่กับคอมพิวเตอร์ได้ทั้งวัน

งานที่เหมาะสมที่สุดกับคนสไตล์เด็กเนิร์ดคือ นักโปรแกรมเมอร์ ที่สามารถรับงานเป็นจ๊อบ ๆ ได้และทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ได้ทั้งวันทั้งคืน พร้อมแก้ไขปัญหาที่เกิดในระบบคอมพิวเตอร์ด้านต่าง ๆ ได้ด้วยความรู้สึกท้าทายและเร้าใจ หากคุณเป็นคนพันธุ์นี้แล้วล่ะก็ อยู่เฉยทำไม ลุกมารับงานรับทรัพย์เลย !!!

สไตล์เป็ดน้อย เป็นอย่างละนิดละหน่อยเกี่ยวกับงานออนไลน์

สำหรับคนที่มีความเป็น “เป็ด” คือ ให้ตอบคำถามลูกค้าก็ทำได้ ให้ทำงานประสานกับฝ่ายต่าง ๆ ก็ราบรื่น ให้ควบคุมทีมงานส่งงานตาม timeline ก็สบายมาก ฯลฯ อย่างนี้ต้องมาเป็นแอดมินเพจหรือเป็นผู้ประสานงานในเว็บไซต์ต่าง ๆ เพราะเป็นคุณสมบัติที่บริษัทเหล่านี้ ต้องการอย่างมาก ที่สำคัญมีโอกาสได้เรียนรู้งานด้านอื่น ๆ ในวงการไอทีที่จะช่วยเพิ่มโปรไฟล์เด็ด ๆ ให้คุณได้อีกอย่างแน่นอน

เป็นอย่างไรกันบ้างกับแนวทางการทำงานที่บ้านที่เราได้แนะนำไป มีสไตล์ไหนตรงใจ และเข้ากับตัวคุณบ้าง หวังว่าจะทำให้คุณเกิดไอเดียในการสร้างงานสร้างรายได้ให้ตัวเองมากขึ้น และที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นงานสไตล์ใด ขอแค่มีความตั้งใจที่จะพัฒนาทักษะและความสามารถเชิงลึกให้โดดเด่นยิ่งขึ้นไปอย่างไม่หยุดหย่อน เชื่อว่าคุณจะสามารถมีรายได้เลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้อย่างยอดเยี่ยมและยาวนานแน่นอน

เหตุผลดี ๆ ที่คนทำงานที่บ้านอยากบอก

เหตุผลดี ๆ ที่คนทำงานที่บ้านอยากบอก

เหตุผลดี ๆ ที่คนทำงานที่บ้านอยากบอก

สมัยนี้ใคร ๆ ก็นิยมทำงานที่บ้านมากขึ้น ทั้งงานเสริมเพื่อหารายได้และงานประจำที่หลายคนคิดว่าอยากปรับเปลี่ยนมาทำงานที่บ้านดู มาดูกันว่า 9 ข้อดีของการทำงานที่บ้าน มีข้อไหนตรงใจคุณบ้าง

9 ข้อดีของการทำงานที่บ้าน

1. ประหยัดสตางค์ค่าเดินทาง

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ก้าวเท้าออกจากบ้าน ก็เป็นอันต้องจ่ายเงินแล้วตั้งแต่ค่าน้ำมัน ค่าแก๊ส ค่าทางด่วน ค่าที่จอดรถ ยังไม่รวมค่ากินอยู่อื่น ๆ หากทำงานที่บ้านจะ save รายจ่ายส่วนนี้ได้มาก

2. ทำงานได้ปริมาณมากขึ้น

เพราะการไม่ต้องเดินทางหลายชั่วโมงบนท้องถนน คุณสามารถเอาเวลานั้นมานั่งทำงาน เพิ่มรายได้ได้ดีกว่า

3. ทำงานบ้านได้พร้อมกัน

คนที่ทำงานที่บ้านจะสามารถบริหารจัดการเวลาในการดูแลงานบ้านและให้เวลากับสมาชิกในครอบครัวได้มากขึ้น จึงเหมาะกับคนที่เป็นครอบครัวใหญ่ มีลูกเล็ก มีผู้สูงวัยที่ต้องการการดูแลอย่างยิ่ง

4. สัตว์เลี้ยงก็ยิ้มได้

นอกจากคนในครอบครัวจะได้มีเวลากับคุณมากขึ้น สัตว์เลี้ยง เช่น สุนัข แมว ก็พลอยมีความสุข เพราะเจ้านายมีเวลาเล่นกับพวกเขามากขึ้น ทำให้สัตว์ร่าเริง ไม่ป่วยง่าย และไม่หงอยเหงา

5. ลดความเครียด

ทั้งการต้องตื่นแต่เช้าเพื่อรีบหนีช่วงเวลารถติด และการต้องรีบกลับบ้านตอนเย็นเพื่อมาทำกิจธุระที่บ้าน ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปถ้าเลือกทำงานที่บ้านแทน

6. มีสมาธิมากขึ้น

เพราะคุณจะไม่มีใครมาชวนเม้าท์ หรือมีปัญหาจุกจิกที่หันเหความสนใจของคุณจากงานตรงหน้า ทำให้คุณจดจ่อกับงานได้ดีขึ้นมาก

7. มีเวลาออกกำลังกาย

การไม่ต้องเดินทางไปไหนไกล ทำให้คุณจัดสรรเวลาเพื่อการ exercise ได้ดีขึ้น จะจ็อกกิ้ง เล่นโยคะ ว่ายน้ำ คุณก็ทำได้อย่างสบาย ไร้ปัญหาคำว่า “ไม่มีเวลา”

8. มีรายได้รวมมากขึ้น

จากรายจ่ายในการเดินทางที่ลดลงไป ทำให้โดยรวมแล้ว คุณจะเหลือรายได้สำหรับเก็บออมมากขึ้น หลายคนที่เช่าห้องอยู่ใกล้ที่ทำงาน ต้องเสียค่าใช้จ่ายหลายต่อเดือนจะทราบถึงปัญหานี้ดี

9. มีรายได้หลายทาง

เพราะคุณสามารถเล่นหุ้น พร้อมกับการทำงานเอกสารที่ต้องทำประจำอยู่แล้ว และขณะเดียวกันยังหาความรู้เพิ่มเติมสำหรับอาชีพเสริมอื่น ๆ อีก

9 ข้อดีของการทำงานที่บ้าน

หลายคนตัดสินใจทำงานที่บ้านด้วยเหตุผลทั้ง 9 ข้อนี้ อย่างไรก็ดี ควรพิจารณาว่าสิ่งที่คุณต้องการนั้น (ไม่ว่าจะเป็นรายได้ ความมั่นคง การเติบโตหรือก้าวหน้าในอาชีพ และความสัมพันธ์กับเพื่อน ๆ และคนในครอบครัว) การทำงานที่บ้านสามารถตอบโจทย์ได้เพียงใด ก่อนตัดสินใจเปลี่ยนที่ทำงาน

แนะ 5 เคล็ดลับ ช่วยให้คุณทำงานได้อย่างมีความสุขมากขึ้น

เคล็ดลับทำงานให้มีความสุข

มนุษย์เงินเดือนจำนวนมาก เกิดอาการเบื่อหน่ายงานที่กำลังทำอยู่ และต้องอดทนกับการเผชิญหน้ากับปัญหาที่มีเข้ามาให้แก้ไขอย่างมากมาย จนลืมไปแล้วว่าการทำงานอย่างมีความสุขนั้นเป็นอย่างไร วันนี้เราจึงขอนำเคล็ดลับมาแชร์ เพื่อให้คุณสามารถกลับมาทำงานได้อย่างมีความสุขมากขึ้น

1.หาแรงบันดาลใจ

การทำงานอย่างไม่มีเป้าหมายหรือไม่มีแรงบันดาลใจ มันช่างเป็นเรื่องที่แสนน่าเบื่อและไร้พลัง หากต้องการที่จะมีความสุขกับการทำงาน ก่อนอื่นเราควรสร้างแรงบันดาลใจ หรือค้นหาแรงบันดาลใจที่จะช่วยให้การทำงานของเราสนุกมากขึ้นเสียก่อน ไม่ว่าแรงบันดาลใจนั้นจะอยู่ในที่ทำงานหรือไม่ก็ตาม เพราะหลายคนอาจมีครอบครัวเป็นแรงบันดาลใจ หลายคนอาจใช้งานอดิเรกเป็นแรงบันดาลใจ เช่น การเร่งทำงานเก็บเงินเพื่อไปเที่ยวในทริปต่อไป หรือเพื่อนำไปซื้ออุปกรณ์ถ่ายภาพที่ต้องการ แบบนี้ก็ได้เช่นเดียวกัน

2.พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ

การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ คือการกระตุ้นสมองและร่างกายให้ตื่นตัวได้เป็นอย่างดี การศึกษาเพื่อพัฒนาตัวเอง ทำได้หลายอย่าง ตัวอย่างง่ายที่สุด คือ การเรียนภาษาต่างประเทศเพิ่ม หรืออาจจะเป็นการเรียนทำอาหาร เรียนทำขนม หรือแม้กระทั่งติวเพื่อสอบในสนามสักแห่ง เพื่อพัฒนาต่อยอดการทำงานให้ได้รายได้มากขึ้น หรือเพื่อย้ายไปทำงานในที่ที่ดีกว่า โดยเฉพาะความรู้ที่เกี่ยวกับงาน ยกตัวอย่าง อาชีพเราเป็นคนให้ทีเด็ดบอลวันนี้ที่ต้องแม่นยำเพื่อให้ผู้เข้าชมเว็บตามทีเด็ดแล้วไม่ผิดหวัง สิ่งที่ผู้แจกทีเด็ดต้องทำคือ เสาะหาสูตร วิเคราะห์บอล ให้แม่นขึ้นเรื่อยๆ เพื่อตอบโจทย์คนเข้าชมเว็บ เมื่อไหร่ก็ตามที่แม่นมากจนคนติด เราจะมีความสุขในอาชีพของเรา ตรงข้ามคือถ้าให้ทีเด็ดแล้วพลาดบ่อย เราเองอาจถอดใจเปลี่ยนเส้นทางหาเงินก็เป็นได้

3.สร้างความสัมพันธ์ที่ดี

การสร้างบรรยากาศและความสัมพันธ์ที่ดีในที่ทำงาน ถือเป็นเคล็ดลับสำคัญในการทำงานร่วมกัน ความสัมพันธ์ยิ่งดี งานก็ยิ่งราบรื่นและยิ่งทำให้บรรยากาศในที่ทำงานดีขึ้น สามารถทำงานได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องการเมืองภายในที่คุกรุ่น

4.แบ่งเวลาให้กับตัวเองบ้าง

หน้าที่การงานบางอย่าง ต้องทุ่มเทเวลาอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตาม คุณควรที่จะแบ่งเวลาไว้ให้กับตนเองและครอบครัวอยู่เสมอ เพราะการที่คุณได้มีเวลาส่วนตัวเป็นของตัวเอง และได้ใช้เวลากับครอบครัวนั้น คือการเติมพลังให้กับตัวเองที่ดีมาก ๆ เลยทีเดียว

5.ออกกำลังกายอยู่เสมอ

การออกกำลังกาย ไม่ได้ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงเพียงอย่างเดียว แต่ยังช่วยให้สมองได้ผ่อนคลายจากความเครียด เพิ่มออกซิเจนให้กับร่างกาย เลือดสามารถไหลเวียนไปเลี้ยงสมองได้มากขึ้น ร่างกายดี สมองดี คิดไอเดียดี ๆ ออกมาได้ง่ายกว่าเดิม และมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน

เคล็ดลับทั้งหมดนี้ เหมาะอย่างยิ่งกับคนวัยทำงานและมนุษย์เงินเดือนทั้งหลายเช่นกัน รวมทั้งกลุ่มคนเป็นฟรีแลนซ์ หากหยิบไปใช้กันได้ก็จะเกิดผลดีขึ้นกับสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตของคุณอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ไม่มีความสุขในการทำงานอย่างแสนสาหัส ตัดสินใจว่าจะลาออกอย่างแน่นอน ทางที่ดีที่สุดก็ควรหางานที่ใหม่รองรับไว้ ก่อนที่จะลาออกมาจากที่เก่า เพราะการลาออกมาโดยไม่แผนรองรับ อาจเครียดหนักกว่าการอดทนทำงานต่อก็เป็นได้

สนุกไปกับงานที่ได้ทำ

วิธีสร้างแรงจูงใจในการทำงานที่บ้าน

วิธีสร้างแรงจูงใจในการทำงานที่บ้าน

วิธีสร้างแรงจูงใจในการทำงานที่บ้าน

คุณมองหางานออฟฟิศทำหรืออยู่หรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ การทำงานที่บ้านเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในยุคนี้เพราะการเดินทางสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมากจริงๆ อีกทั้งมื้อกลางวันในเมืองก็มีค่าใช้จ่ายสูงด้วย การทำงานอิสระเป็นสิ่งที่น่าวิตกสำหรับคนที่ยังไม่คุ้นเคย เว้นแต่จะเคยทำงานนอกเวลามาแล้วจะเข้าใจดีว่าการทำงานที่บ้านให้อิสระและมีความยืดหยุ่นมากขนาดไหน ปัญหาจะเกิดก็ตรงที่ไม่สามารถควบคุมตนเองให้มีสมาธิในการทำงาน เสียเวลาไปกับสิ่งต่างๆ รอบตัว ทำให้งานเสร็จไม่ทันกำหนดหรือด้อยคุณภาพกลายเป็นคนขาดความรับผิดชอบ การสร้างแรงจูงใจในการทำงานจึงเป็นเรื่องสำคัญเพื่อให้มีเวลาทำงานเป็นส่วนตัวแยกออกจากชีวิตประจำวัน ทำงานสำเร็จทันเวลาและมีประสิทธิภาพ ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับกระตุ้นให้เกิดความตั้งใจทำงาน 6 วิธีด้วยกัน

เทคนิคกระตุ้นความตั้งใจทำงาน

1.ตื่นเช้า

ถ้าคุณไม่ได้ทำงานออฟฟิศ อาจเป็นเรื่องยากที่จะลุกตื่นแต่เช้าเพื่อลงมือทำงานทันเวลาที่กำหนด แต่การตื่นเช้าเป็นนิสัยที่ดีและเป็นประโยชน์ สังเกตได้ว่าผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จมักจะตื่นแต่เช้า มีโอกาสเริ่มต้นในวันใหม่ก่อนใคร เหมือนคำสุภาษิตที่ว่านกตัวที่ตื่นเช้าจะจับหนอนได้ก่อนใคร ถึงจะไม่ต้องรีบร้อนแต่งตัวออกจากบ้าน การตื่นเช้าทำให้มีเวลาออกกำลังกาย ตอบอีเมล์และวางแผนงานที่ต้องทำตลอดวัน

2.วางแผนงานให้เป็นกิจวัตร

ความสำเร็จเป็นรางวัลชีวิต การทำงานที่บ้านอาจดูเหมือนมีอิสระเต็มที่ ไม่ต้องนั่งติดโต๊ะทำงานตลอดเวลา แต่ไม่ว่าจะทำงานอยู่ที่ไหน คุณต้องตั้งเป้าหมายการทำงานและวางแผนชีวิตแต่ละวัน เช่น ตื่นเช้าไปวิ่ง ตอบอีเมล์และเข้าสู่โหมดการทำงาน บริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพจะเห็นผลลัพธ์ที่เป็นบวก ส่งเสริมประสิทธิภาพโดยรวม แน่ใจว่าจะรักษาระเบียบวินัยและแรงจูงใจในการทำงานเป็นกิจวัตร

3.แต่งตัวเพื่อความสำเร็จ

คนทำงานที่บ้านมักจะสวมชุดนอนเสมอ เป็นข้อเสียที่อาจทำให้เสียจรรยาบรรณในการทำงาน ไม่จำเป็นต้องสวมสูทและผูกเน็คไท เพียงแต่แต่งตัวเรียบร้อยเพื่อสร้างแรงบันดาลใจกระตุ้นความรู้สึกว่าเป็นมืออาชีพยิ่งขึ้น เพิ่มความมั่นใจให้ตัวเองและมีแนวโน้มที่จะทำงานดีขึ้น แม้ว่าจะทำงานคนเดียวตลอดทั้งวันโดยไม่ได้เห็นเพื่อนร่วมงานก็ตาม

4.จัดระเบียบที่ทำงาน

หลายคนไม่ตระหนักถึงข้อนี้มาก่อน โต๊ะทำงานที่ยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบทำให้เสียเวลาค้นหาไฟล์หรือสิ่งที่ต้องการใช้ ทำให้เสียเวลา หงุดหงิด เสียสมาธิ สมองตื้อคิดอะไรไม่ออก ลดประสิทธิภาพการทำงาน ลองคำนวณผลลัพธ์เป็นเดือนเป็นปีดูว่าเสียเวลาไปเท่าไร การจัดทุกสิ่งเป็นระเบียบทำให้สมาธิไขว้เขวน้อยที่สุดในแต่ละวัน เพียงแค่จัดโต๊ะทำงาน เก็บไฟล์เป็นหมวดหมู่ในคอมพิวเตอร์หรือแล็ปท็อปให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ คุณจะพบว่าชีวิตง่ายขึ้นมาก

เทคนิคกระตุ้นความตั้งใจทำงาน

5.อดทนต่อสิ่งรบกวน

เมื่อรู้สึกงานน่าเบื่อ หลายคนคลิกไปดู Facebook อ่านบล็อกหรือเล่นโซเชียลมีเดีย พยายามตั้งสมาธิและอดทนต่อสิ่งรบกวน แม้แต่การรับโทรศัพท์มือถือก็ทำให้ใจไม่จดจ่ออยู่กับงานที่กำลังทำ ควรวางโทรศัพท์ห่างจากตัวหรือปิดเสียงริงโทน ปิดโปรแกรมแชทในคอมพิวเตอร์เพื่อโฟกัสอยู่ที่งาน อาจหยุดทำงานเพื่อตรวจเช็คสื่อสังคมออนไลน์ทุกๆ สองสามชั่วโมง

6.หยุดพักบ้าง

เมื่อคุณสังเกตเห็นว่าคุณกำลังคิดไม่ออกหรือทำงานช้าลง ควรหยุดพักให้แน่ใจว่าพักผ่อนสมองและสายตาเพียงพอ ก่อนที่จะกลับมาทำงานต่อ ตั้งโฟกัสให้ดีเพื่อที่จะผลิตงานที่ดีที่สุดออกมาอย่างต่อเนื่อง